เปิดเผยสำรวจที่อยู่อาศัยภาคเหนือครึ่งปีหลัง 61 พบเปิดขายเกือบ 100โครงการ

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ได้จัดทำรายงานสรุปผลการสำรวจอุปทานและอุปสงค์ของโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ในจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดตาก โดยนับเฉพาะโครงการที่มียูนิตเหลือขายไม่ต่ำกว่า 6 ยูนิต จากการสำรวจพบว่า มีโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ระหว่างการขายจำนวน 92 โครงการ จำนวน 6,857 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 19,125 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรร 79 โครงการ จำนวน 4,674 ยูนิต มีมูลค่าโครงการรวม 15,579 ล้านบาท โครงการอาคารชุด 13 โครงการ จำนวน 2,183 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,546 ล้านบาท โดยจากการสำรวจในช่วงครึ่งหลังปี 2561 พบว่ามีจำนวนยูนิตเหลือขายรวม 2,459 ยูนิต หรือร้อยละ 35.9 ของจำนวนยูนิตในโครงการ โดยโครงการบ้านจัดสรรมียูนิตเหลือขายจำนวน 1,886 ยูนิต หรือร้อยละ 40.4 โครงการอาคารชุดมียูนิตเหลือขายจำนวน 573 ยูนิต หรือร้อยละ 26.2

ดร.วิชัยกล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดพิษณุโลก มีจำนวน 70 โครงการ จำนวน 5,504 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 15,798 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 2,049 ยูนิต มูลค่า 5,936 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 63 โครงการ มีจำนวน 4,109 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 13,598 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 1,624 ยูนิต มูลค่า 5,306 ล้านบาท โครงการอาคารชุด จำนวน 7 โครงการ มีจำนวน 1,395 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,200 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 425 ยูนิต มูลค่า 631 ล้านบาท ทั้งนี้จำนวนยูนิตที่ขายเป็นบ้านเดี่ยวมากที่สุด ร้อยละ 52.0 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท รองลงมาเป็นอาคารชุด ร้อยละ 25.3 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท อาคารพาณิชย์ ร้อยละ 9.6 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 8.4 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ที่เหลือบ้านแฝดและเป็นที่ดินเปล่า ตามลำดับ

ดร.วิชัยกล่าวว่า ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดพิษณุโลกที่ขายดีมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.ทำเลแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก (มิตรภาพ) ขายได้ร้อยละ 76.6 มูลค่าขายได้ 1,916 ล้านบาท 2.ทำเลบึงพระ ขายได้ร้อยละ 66.0 มูลค่าที่ขายได้ 68 ล้านบาท 3.ทำเลวัดจันทร์ ขายได้ร้อยละ 64.7 มูลค่าที่ขายได้ 960 ล้านบาท 4.ทำเลแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก (ทะเลแก้ว) ขายได้ร้อยละ 62.4 มูลค่าที่ขายได้ 1,442 ล้านบาท 5.ทำเลในเมือง ขายได้ร้อยละ 61.3 มูลค่าที่ขายได้ 501 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดในจังหวัดพิษณุโลกที่ขายดี คือ 1.ทำเล ม.นเรศวร ขายได้ร้อยละ 76.5 มูลค่าที่ขายได้ 267 ล้านบาท 2.ทำเลในเมือง ขายได้ร้อยละ 73.7 มูลค่าที่ขายได้ 1,262 ล้านบาท 3.ทำเลแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก (ทะเลแก้ว) ขายได้ร้อยละ 32.5 มูลค่าที่ขายได้ 40 ล้านบาท ล้านบาท

ดร.วิชัยกล่าวว่า สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดตาก มีจำนวน 22 โครงการ จำนวน 1,353 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,328 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 410 ยูนิต มูลค่า 1,183 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านจัดสรร จำนวน 16 โครงการ จำนวน 565 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,981 ล้านบาท เหลือขายหรือเป็นอุปทานในตลาด 262 ยูนิต มูลค่า 932 ล้านบาท และโครงการอาคารชุด จำนวน 6 โครงการ จำนวน 788 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,347 ล้านบาท เหลือขาย 148 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 250 ล้านบาท ทั้งนี้โครงการที่เปิดขายทั้งหมดเป็นอาคารชุดมากที่สุด ร้อยละ 58.2 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 1.5 – 2 ล้านบาท รองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว ร้อยละ 31.4 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 2 – 3 ล้านบาท เป็นอาคารพาณิชย์ ร้อยละ 6.9 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 5 – 7.5 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์ ร้อยละ 3.5 ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคา 3 – 5 ล้านบาท ตามลำดับ
ทำเลบ้านจัดสรรในจังหวัดตากที่ขายดี คือ ทำเลแม่สอด ขายได้ร้อยละ 54.0 มูลค่า 908 ล้านบาท ทำเลในเมือง ขายได้ร้อยละ 51.9 มูลค่า 141 ล้านบาท ส่วนทำเลอาคารชุดทำเลแม่สอดขายได้ ร้อยละ 81.2 มูลค่า 1,096 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image