“เอเซีย พลัส” ชี้งบปี’63 ล่าช้า หวั่นทำหุ้นไทยผันผวน ประกาศหั่นเป้าจีดีพีเหลือ 2.7%

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เด็ดขาด ก็อาจมีประเด็นเรี่องเสถียรภาพในการบริหารงานบ้าง แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญในไตรมาส 3 นี้คือ การพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรในเดือน กันยายนนี้ ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าทุกปีที่ผ่านมา 3 เดือน ทำให้การพิจารณาที่ล่าช้าออกไป อาจมีผลต่อเนื่องไปถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ เนื่องจากขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องการแรงกระตุ้นจากภาคเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก หลังจากภาคการค้าระหว่างประเทศมีปัญหา อันเป็นผลมาจากสงครามการค้าโลก
“ภาพการมาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาแบบอิงระบบโค้วต้ามากเกินไป ทำให้สมาชิกที่จะเข้ามาอยู่ในครม. อาจจะมีทั้งที่ถูกใจบ้างหรือไม่ถูกใจบ้าง แต่ถ้าเข้ามาแล้วสามารถเดินหน้านโยบายหลักและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐต่อไปได้ ก็ถือเป็นการเข้ามาในเชิงบวก ซึ่งการที่ไทยได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นคนเดิม ก็เป็นบรรยากาศเชิงบวก เนื่องจากเชื่อว่านโยบายและโครงการต่างๆ จะเดินหน้าต่อไปได้”นายเทิดศักดิ์กล่าว
นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3 ของปี 2562 คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวนในทิศทางขาขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ยังไหลเข้าในประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าจะทำให้ดัชนีแตะระดับ 1,750 -1,760 จุดได้ ขณะที่การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ล่าช้า อาจกระทบการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ ถือเป็นปัจจัยถ่วงตลาดและเป็นตัวแปรที่ทำให้ตลาดผันผวนได้ โดยแนะนำกลยุทธ์ในการลงทุนคือ ให้เน้นหุ้นที่มีกำไรเติบโต หุ้นได้ประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ หุ้นที่มีเงินปันผลสม่ำเสมอ ภายใต้ดอกเบี้ยขาลง และหุ้นอาหารส่งออกที่ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากปัจจัยเทรดวอร์ฯ
นายเทิดศักดิ์ กล่าวว่า ดอกเบี้ยนโยบายไทยคาดจะทรงตัวหรืออาจปรับลงจากปัจจุบันที่ 1.75% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก คือ การส่งออกชะลอตัวลง ทำให้การขับเคลื่อนมาจากภายในประเทศคือ ภาคการบริโภคครัวเรือน ที่จะยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนและภาครัฐ  ดังนั้นจึงคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะอยู่ที่ 2.7% ชะลอปี 2561 อยู่ที่ 4.1% เพราะคาดว่าการส่งออกจะติดลบ 3%

เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image