“เคจีไอ”เผยตลาดหุ้นไทยมีโอกาสย่อตัวสูงในเดือนกรกฏาคม เชื่อนักลงทุนหวังรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ พบว่า ในช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ในเรื่องของการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่ามากขึ้น ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศมองว่าลดบทบาทลงไป เนื่องจากเป็นปัจจัยบวกที่นักลงทุนรับรู้กันไปสักระยะแล้ว โดยรัฐสภามีการเลือกพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเสร็จสิ้นแล้ว จึงมองว่าในเดือนกรกฎาคมนี้ น่าจะมีรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาให้ได้เห็น
นายรักพงศ์ กล่าวว่า เคจีไอเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลใหม่เข้ามาทำงานแล้ว น่าจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งมีความสำคัญกับตลาดมาก เนื่องจากจะเห็นว่าที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้นๆ ไม่ได้ดีมาก ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยภายนอก ในเรื่องของเทรดวอร์ที่กดดันตัวเลขการส่งออกของไทย สำหรับราคาน้ำมันเริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่มีการมองว่าราคาน้ำมันจะทรงตัว แต่ล่าสุดถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องความต้องการใช้น้ำมันอยู่บ้าง เพราะความตึงเครียดในตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของสหรัฐฯและอิหร่าน และปริมาณการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯที่คาดการณ์ว่าน่าจะผลิตออกมาจำนวนมาก แต่พบว่ายังผลิตออกในปริมาณที่ไม่มากนัก ทำให้ราคาน้ำมันยังมีแนวโน้มค่อนข้างดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นไทย ที่น่าจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
“กลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ลดพอร์ตการลงทุนในหุ้นที่อาจจะมีกำไรหรือพอใจแล้ว โดยเฉพาะในหุ้นที่มีขนาดใหญ่ เพราะหากกระแสฟันด์โฟลว์เริ่มชะลอตัว ประเมินว่าตลาดหุ้นมีโอกาสจะปรับฐานลงในระดับที่สูง และหันมาเน้นลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงน้อยลง หรือมีเงินปันผลสนับสนุนดีกว่า เนื่องจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากว่า 110 จุด ซึ่งถือว่าปรับขึ้นมาค่อนข้างเร็ว จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยจะชะลอตัวลงในเดือนกรกฎาคมนี้ และมีโอกาสที่จะอ่อนตัวลงได้ในบางช่วงบางเวลา และน่าจะเป็นภาวะของการแกว่งตัวในกรอบแคบ”นายรักพงศ์กล่าว
ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!
