การจัดหารถโดยสารประจำทาง หรือรถเมล์ ขสมก. ถือเป็นเรื่องสำคัญของคนเมืองกรุงและปริมณฑลไม่แพ้การขยายเส้นทางรถไฟฟ้าให้ครอบคลุม
ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลพยายามผลักดันการจัดซื้อหรือจัดหารถเมล์ใหม่มาแทนรถเก่าที่ใช้งานมานานกว่า 20-30 ปี ที่มีสภาพทรุดโทรม แต่ก็ยังเดินหน้าจัดซื้อได้เพียง 489 คัน
ล่าสุด ครม.เห็นชอบแผนฟื้นฟูตามที่มีการเสนอไปแล้ว ซึ่งเนื้อหาหลักแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 จัดหารถเมล์ใหม่เพิ่มเติม จากเดิมที่ได้รถเมล์เอ็นจีวีมาแล้ว 489 คัน แต่แผนที่เสนอ ครม.ได้ปรับลดลงจากเดิมที่จะต้องจัดหารถใหม่และปรับปรุงรถ 3,183 คัน เหลือ 3,000 คัน (รวมรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน)
โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อทบทวนให้เหลือ 3,000 คัน
ในจำนวนรถเมล์ตามแผนใหม่นี้ มีทั้งจัดหารถใหม่ และปรับปรุงรถเก่า แยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.การเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 300 คัน เช่ารถเมล์ไฮบริด 400 คัน โดยไตรมาส 2-3 ปี 2563 จะได้รถทั้งหมด และ 2.จัดซื้อรถอีวี 35 คัน จะได้รถเข้ามาในเดือนมิถุนายน 2563 เช่นเดียวกัน ขณะที่การซื้อรถไฮบริด 1,453 คัน โดยจะทยอยดำเนินการปี 2564 -2565 และปรับปรุงรถเมล์เดิมอีก 323 คัน กำหนดไว้ว่าไตรมาส 2 ปี 2563 หรือไม่เกินเดือนมิถุนายน 2563 จะแล้วเสร็จทั้งหมด ที่ 1,058 คัน
กลุ่มที่ 2 การปรับปรุงเส้นทางเดินรถ ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าจะวิ่งไปเส้นทางไหนบ้าง จากปัจจุบันอยู่ระหว่างปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยกรมการขนส่งทางบกได้จัดสรรเส้นทางให้ ขสมก. จำนวน 137 เส้นทาง และ ขสมก.เตรียมข้อมูลเสนอสภาพัฒน์เพื่อประกอบการขอทบทวนมติ ครม.
กลุ่มที่ 3 การปรับโครงสร้างองค์กรให้กระชับ ซึ่งจะเปิดเกษียณอายุก่อนกำหนด(เออร์ลี่รีไทร์) เพื่อลดจำนวน จากปัจจุบันรถเมล์ 1 คัน ใช้คนเฉลี่ย 5.14 คน จะเหลือ 2.7 คนต่อคัน ปัจจุบัน ขสมก.มีพนักงานประมาณ 1.3 หมื่นคน ตามแผนจะเปิดให้เข้าโครงการระยะ 3 ปี (2563-2565) คือปี 2563 จำนวน 655 คน ปี 2564 จำนวน 2,198 คน ปี 2565 จำนวน 2,198 คน รวม 5,051 คน ใช้งบประมาณ 6 พันล้านบาท
กลุ่มที่ 4 เรื่องการพัฒนาเชิงธุรกิจ เพื่อเป็นรายได้เสริมให้ ขสมก.
และ กลุ่มที่ 5 การบริหารหนี้สินสะสม 1.2 แสนล้านบาท โดย ขสมก. ขอยกหนี้ในส่วนที่เกิดจากนโยบายประมาณ 80% ออกไปให้กระทรวงการคลังรับผิดชอบแทน
ท้ายที่สุด จะเดินหน้าจนได้รถเมล์ใหม่มาให้บริการได้ตามแผนหรือไม่ ยังต้องตามลุ้นกันนานๆ!!
นายขันตี
