เยือนถิ่นมังกร ชมอาณาจักร SGMW ทดลองขับ ‘เชฟโรเลต แคปติวา’ ตัวใหม่

แฟนๆ ตลาดรถยนต์ในประเทศไทย คงพอจะทราบข้อมูลกันบ้างว่า ในเร็วๆ นี้ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส(ประเทศไทย) จำกัด หรือจีเอ็ม และเชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย แบรนด์รถยนต์สัญชาติอเมริกัน เตรียมจะเปิดตัวรถยนต์ SUV ตัวใหม่ ที่ออกแบบและพัฒนาจากบริษัทร่วมทุนในประเทศจีน แต่จะประกอบในโรงงานเครือข่ายที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนำเข้ามาขายในบ้านเรา แข่งกับรถยนต์ในสมรรถนะที่ใกล้เคียงกันจากค่ายอื่นๆ

ด้วยเหตุนี้ เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “ชอน พอพพิท” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร จีเอ็ม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “ปิยะนุช จตุรภัทร์” ผู้อำนวยการทั่วไปฝ่ายขาย เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย จึงนำคณะสื่อมวลชนเดินทางไปเมืองลิ่วโจว (Liuzhou) สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าเยี่ยมชมอาณาจักรของบริษัท เอสเอไอซี-จีเอ็ม-วู่หลิง (SGMW)

SGMW (Hexi Base) เมืองลิ่วโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน
ไมค์ เดอเวอเรอซ์ รองประธานบริหาร SGMW
ชอน พอพพิท ผอ.ฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร จีเอ็ม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แนะนำผู้บริหาร SGMW

“ไมค์ เดอเวอเรอซ์” รองประธานบริหาร SGMW บอกว่า SGMW เป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างเอสเอไอซี-จีเอ็ม-วู่หลิง (SAIC-GM-Wulling ) ซึ่งทั้ง 3 ราย ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการผลิตรถยนต์ที่ส่งขายทั่วโลก ปัจจุบัน SGMW มีฐานการผลิต 4 แห่ง ประกอบด้วย 1.SGMW (Hexi Base) เมืองลิ่วโจว (สำนักงานใหญ่) 2.SGMW (Baojun Base) ที่มีทั้งโรงงานผลิตรถยนต์สันดาปปกติ และรถยนต์ไฟฟ้า 3.ฐานการผลิตเมืองชิงเต่า (Qingdao) และ 4.ฐานการผลิตเมืองฉงชิ่ง (Chongqing) นอกจากนี้ ยังมีการตั้งโรงงานที่ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเป็นฐานการประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ที่ส่งไปจากโรงงานในประเทศจีน และทุกโรงงานของ SGMW ใช้ระบบการผลิต General Motors Global Manufacturing System เป็นมาตรฐานเดียวกับโรงงานของจีเอ็มทั่วโลก ที่คำนึงถึงเรื่องการจัดส่งชิ้นส่วน การควบคุมคุณภาพของชิ้นส่วน การประกอบรถยนต์ ด้านความปลอดภัย และมาตรการด้านการจัดการของเสีย

ทั้งนี้ ในปี 2009 SGMW สามารถทำยอดขายรวมได้สูงถึง 1,061,213 คัน ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีน รายแรกในประวัติศาสตร์ที่ขายรถยนต์ได้เกิน 1 ล้านคัน ต่อมาปี 2017 สามารถทำยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ได้สูงถึง 2,160,000 คัน กระทั่งปี 2018 ตลาดการซื้อขายรถยนต์ในประเทศจีนชะลอตัว ยอดขายจึงลดลงเล็กน้อยเหลือเพียง 1,926,000 คัน แต่กระนั้นก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่สูง เพราะเท่ากับว่า 1 ใน 4 ของยอดขายรถยนต์ในเครือจีเอ็มทั่วโลกมาจาก SGMW

Advertisement

ไม่เพียงเท่านั้น SGMW ยังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโชว์รูมผู้จำหน่ายกว่า 500 แห่งทั่วประเทศจีน ให้มีภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ เป็นแบบ CI : Corporated Identity โดยจะเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ เช่น จอวิดีโอให้ข้อมูลลูกค้าได้เลือกสั่งซื้อรถ หรือเลือกออปชั่น สี และบริการด้านแหล่งเงินกู้ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนมือถือของ พนักงานในโชว์รูม หรือการติดตั้ง Traffic Heat Wave ไว้ตามจุดต่างๆ ของโชว์รูมเพื่อติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค นำข้อมูลมาปรับปรุงการบริการให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า และทำการวิจัยในอนาคต

กลับมาที่อาณาจักรของ SGMW เมืองลิ่วโจว บนพื้นที่ 89.2 เฮกเตอร์ ประกอบด้วย 3 โรงงาน มีการแยกสายการผลิตระหว่างระยนต์ทั่วไป และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งโรงงานขึ้นรูปตัวถัง โรงพ่นสี และโรงงานประกอบ อยู่ในพื้นเดียวกัน ออกแบบโรงงานตามมาตรฐานของจีเอ็ม และโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งขึ้นรูปเสื้อสูบ ฝาสูบ ชิ้นส่วนต่างๆ แล้วนำมาประกอบกันเป็นเครื่องยนต์ สำหรับรถกระบะขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ กำลังการผลิตรถยนต์ 806,000 คันต่อปี อาจจะเรียกได้ว่าขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียก็ว่าได้ นอกจากนี้ ภายในโรงงานมีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ศูนย์ออกแบบ ศูนย์ทดสอบการชน ห้องทดสอบเสียง และด้วยความพร้อมของฐานการผลิตนี้เอง ทำให้ SGMW สามารถปรับเปลี่ยนโฉมรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และผลิตออกมาสู่ท้องตลาดได้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นจุดแข็งของ SGMW

เยี่ยมชมโรงงานผลิตรถยนต์
ชมตัวอย่างรถยนต์ Baojun รุ่นใหม่ ที่เตรียมออกจำหน่ายในตลาดจีน
เชฟโรเลต แคปติวา ตัวใหม่ เตรียมส่งไปขายที่อเมริกาใต้

หลังเสร็จสิ้นจากการเยี่ยมชมกิจการของ SGMW ต่อไปก็เข้าสู่สนามทดสอบรถที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของโรงงาน ครั้งนี้ได้ทดลองขับ “เชฟโรเลต แคปติวา” (Chevrolet Captiva) ตัวใหม่ ที่ออกแบบและพัฒนาโดย SGMW แต่ในประเทศจีนทำตลาดในชื่อ “เบ่าจุน 530” (Baojun 530) ซึ่งเป็นรถสเปกเดียวกันกับที่จะผลิตในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเตรียมนำเข้ามาขายในประเทศไทยประมาณเดือนกันยายนนี้ และในการทดลองขับแคปติวาตัวนี้ เป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด แถมอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ห้ามขับเกิน 20 กิโลเมตร เพราะเป็นรถใหม่ที่ผลิตเพื่อเตรียมส่งไปขายยังอเมริกาใต้

Advertisement

อย่างไรก็ดี แคปติวารุ่นนี้ จัดอยู่ใน C- Segment Compact SUV ขนาด 7 ที่นั่ง มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1.5 ลิตร เทอร์โบ 138 แรงม้า แรงบิดที่ 250 นิวตันเมตร แบบขับเคลื่อนล้อหน้า รูปโฉมเรียบ แต่ดูเท่ ปราดเปรียว เพราะได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบตัวถังมาจากเครื่องบินรบ ขนาดตัวถังยาว 4,655 มิลลิเมตร กว้าง 1,836 มิลลิเมตร สูง 1,760 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยางขนาด 215/60 R17 ไฟหน้าโปรเจ็กเตอร์ ย้ายไปติดตั้งที่เปลือกกันชนด้านล่างเหนือไฟสปอตไลต์ เปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ด้านบนเป็นแถบไฟ Daytime Running Light แบบ LED ตัดสลับกับไฟเลี้ยว LED ไฟถอยย้ายไปไว้ที่มุมด้านล่างของเปลือกกันชนหลัง ส่วนแผงทับทิมสะท้อนแสง มีขนาดยาวต่อเนื่องในแนวขวาง เชื่อมต่อกับชุดไฟถอย เป็นแนวเดียวกัน มีกล้องมองรอบคัน 360 องศา มีเตือนการชนด้านหลัง กระจังหน้าขนาดใหญ่ ออกแบบใหม่สไตล์โมเดิร์น ลักชัวรี ฝาประตูห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง สามารถเปิดยกขึ้นพร้อมกับชุดไฟท้ายได้ทั้งบาน แต่หากต้องการฝาท้ายเปิด-ปิด อัตโนมัติ คาดว่าอาจจะต้องเพิ่มเงินอีกจำนวนหนึ่ง กุญแจเป็นแบบคีย์เลส ระบบเบรกมีระยะเหยียบปานกลาง แต่มีน้ำหนัก หยุดได้นุ่มนวล ยังไม่มีระบบเบรกอัตโนมัติ Lane Keeping Systems

ภายในเพดานหลังคาสีเทาอ่อน มี Sunroof หลังคา Panoramic Glass Roof อุปกรณ์ภายในถือว่าครบครัน วัสดุที่ใช้เนี้ยบพอประมาณ จุดเด่นอยู่ที่จอแสดงผลตรงกลาง จะมีขนาดประมาณ 8 นิ้ว แต่ถ้าเป็นเวอร์ชั่นของประเทศไทยจะมีขนาด 10.4 นิ้ว ใหญ่ที่สุดในตลาดรถยนต์ SUV ที่ขายในบ้านเรา พวงมาลัยไฟฟ้าเป็นแบบ 3 ก้าน หุ้มหนังสังเคราะห์ ปรับระดับได้แค่สูง-ต่ำ ไม่สามารถปรับระยะใกล้-ห่าง แบบ Telescopic ได้ มีสวิตช์ มัลติฟังก์ชั่น มาให้บนก้านพวงมาลัยทั้ง 2 ฝั่ง โดยฝั่งขวา ใช้ควบคุมชุดเครื่องเสียง ระบบโทรศัพท์ เชื่อมต่อกับบลูธูท ส่วนฝั่งซ้าย ควบคุมระบบ ล็อกความเร็วคงที่ Cruise Control

ส่วนเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติมีหน้าจอดิจิทัล สำหรับห้องโดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังอยู่ในระยะที่ไม่อึดอัด ด้านหลังกว้างขวางพอใช้ เบาะหนัง ที่นั่งคนขับขนาดใหญ่ สามารถปรับระดับเลื่อนขึ้นหน้า-ถอยหลัง ปรับพนังพิงเอน-ตั้งชัน และปรับระดับสูง-ต่ำ ด้วยสวิตช์ระบบไฟฟ้า มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง แต่เฉพาะคู่หน้าเป็นแบบดึงกลับอัตโนมัติ พร้อมปรับระดับสูง-ต่ำ มีระยะของเฮดรูมพอสมควรสำหรับคนที่ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าเป็นตัวท็อป 7 ที่นั่ง เบาะหลังสุดอาจจะอึดอัดนิดหน่อย เพราะไม่มีช่องแอร์ และเบาะไม่สามารถปรับระดับได้ สำหรับตัวท็อปจะมีซันรูฟมาให้ด้วยแต่เป็นแบบ manual

ทั้งนี้ ผู้บริหารจีเอ็ม/เชฟโรเลต บอกว่า แคปติวาใหม่ที่จะขายในประเทศไทย จะมีให้เลือกทั้งรุ่นเบาะ 2 แถว 5 ที่นั่ง และเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะแถวกลางของทุกรุ่น จะเหมือนกัน คือ มีพนักพิงหลังที่แน่น นุ่ม รองรับแผ่นหลังได้ค่อนข้างดี ส่วนช่วงล่างหนึบ ถ้าขับขี่ในความเร็วต่ำๆ รับรู้ได้ถึงความนุ่มสบาย แต่ถ้าต้องลุยไปในพื้นที่ต่างระดับอาจมีสะเทือนไปถึงห้องโดยสารบ้าง เนื่องจากรถสูง หากวิ่งเข้าโค้งในระดับความเร็วไม่เกิน 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ยังพอรับได้ แต่ถ้าทำความเร็วมากกว่านั้น และไปในเส้นทางขรุขระช่วงล่างอาจมีเสียงเล็กน้อย

สรุปงานออกแบบทั้งภายนอก ภายใน การเลือกใช้วัสดุตกแต่งห้องโดยสาร การเซ็ตช่วงล่าง และคุณภาพการขับขี่ ใกล้เคียงกับบรรดารถยนต์คู่แข่งในตลาด จากการลองขับและลองนั่งในข้อจำกัดช่วงสั้นๆ สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของช่วงล่าง เหมาะกับการเป็น SUV ขนาดครอบครัว ที่เน้นใช้ในเมือง และลุย

น้ำท่วมได้สบายๆ คงไม่เหมาะกับงานลุยสมบุกสมบันอันเนื่องมาจากขนาดเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่ราคา “ถูกกว่า” คู่แข่งจากค่ายอื่นๆ ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของแคปติวา คือ กลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ต้องการรถ SUV ขนาดกลาง แต่ราคาย่อมเยา ซึ่งแม้มิอาจเทียบขุมกำลังเครื่องยนต์กับคู่แข่ง แต่สู้ได้ในเรื่องของความคุ้มค่า ทั้งรุ่นเบาะ 2 แถว 5 ที่นั่ง และเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่คาดว่าราคาจำหน่ายเริ่มตั้งแต่ 9.5 แสนบาท ถึง 1.2 ล้านบาท โดยจีเอ็ม/เชฟโรเลต ตั้งเป้าขายในปลายปีนี้ให้ได้ 2,000 คัน

ห้องทดสอบเสียงและความสั่นสะเทือน
ทดสอบแบตเตอรี่
ห้องทดลอง

ถัดจากนั้น คณะสื่อมวลชนไทยยังได้มีโอกาสแวะเข้าเยี่ยมชมศูนย์วิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนและแบตเตอรี่ (GM China Advanced Material and Battery Labs) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ จีเอ็ม ประเทศจีน (GM China Sciences Lab: CSL) ตั้งอยู่ ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพบว่าที่นี่เป็นแหล่งรวมของนักวิทยาศาสตร์ระดับชั้นนำ ที่มุ่งมั่นทำการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนประกอบของรถยนต์ในเครืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกส่วนประกอบของรถยนต์ที่ผลิตออกจากโรงงานของจีเอ็มทั่วโลกมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย

เมื่อได้สัมผัสกับโรงงานผลิตรถยนต์ ศูนย์วิจัยและพัฒนา ศูนย์ออกแบบ ศูนย์ทดสอบต่างๆ ของ SGMW ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพและความก้าวหน้าในระบบอุตสาหกรรมรถยนต์ของทั้งจีเอ็ม และ SGMW อีกทั้งได้รับรู้ว่าความสำเร็จในการสร้างรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ป้อนสู่ตลาดทั่วโลกจากค่ายนี้ อาจจะเรียกว่าส่วนใหญ่ใช้ทีมงานวิศวกรและนักออกแบบชาวจีนทั้งสิ้น ที่สำคัญไม่ใช่ไก่กาแบบในอดีตอีกต่อไป เพราะมีมาตรฐานการออกแบบและระบบการผลิตในระดับโลก!!!

 

รถไฟฟ้าที่ผลิตขายในประเทศจีน
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image