เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม รายงานข่าวแจ้งว่า นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส. พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอเสนอญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสัญญาสัมปทาน กรณีโครงการสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวของบีทีเอสสายหลักช่วงหมอชิต-อ่อนนุช และสนามกีฬาแห่งชาติ-สะพานตากสิน และสัญญาสัมปทานเดินรถส่วนต่อขยาย ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งและสะพานตากสิน-บางหว้า โครงการดังกล่าวสัญญาสัมปทานยังเหลือมากกว่า 10 ปี แต่การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้มีมติต่อสัญญาสัมปทานให้กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพจำกัด (มหาชน) การต่อสัญญญาเป็นการเร่งรีบไม่โปร่งใสและยังมิได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งการต่อสัญญายังเป็นปัญหาหลายภาคส่วนในสังคม เช่น ค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสมีราคาแพงมากติดอันดับโลก และยังไม่สอดคล้องกับบริบทการขยายตัวของเมืองหลวงเหมือนในต่างประเทศที่เจริญแล้ว มีค่ารถไฟฟ้าถูกกว่าไทยหลายเท่าตัว เนื่องจากต้นทุนรถไฟฟ้าในไทยคิดแค่เฉพาะต้นทุนประกอบการธุรกิจเดินรถพร้อมกำหนดราคาไว้ตายตัวไว่ในสัญญาสัมปทาน แตกต่างกับในต่างประเทศมีการนำตัวเลขมูลค่าผลประโยชน์ด้านอื่นมาคิดคำนวณด้วย อาทิ รายได้จากค่าธุรกิจสื่อภายในสถานี รายได้เชิงพาณิชย์จากตัวสถานีและรายได้จากการพัฒนาพื้นที่ตามแนวรถไฟฟ้า ได้แก่ การลงทุนในกิจกรรมอสังหาริมทรัพย์หลายแห่ง โดยพบว่าเมื่อรถไฟฟ้าเกิดขึ้นส่งผลให้ราคาพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ยังไม่ได้รวมการสำรวจจะทำให้มีข้อพิพาทค่าชดเชยเกิดขึ้น ทำให้รัฐเสียหาย จึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดในการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าและผลกระทบที่อาจะเกิดขึ้นจากส่วนต่อขยาย และหาแนวทางการให้บริการรถไฟฟ้าให้กับประชาชนที่เกิดประโยชน์และเป็นธรรม จึงขอให้คณะกรรมาธิการพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงการทำสัญญาสัมปทานส่วนต่อขยายของโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งกรณีดังกลาวเป็นเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์สำคัญ และมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องแก้ไข เพราะส่งผลกระทบต่อประชาชน และระบบเศรษฐกิจของประเทศศโดยรวม
