เฉลียงไอเดีย : ดาราไม่ได้มีแค่ความสวย เปิดแนวทางบริหารแบบ‘มิ้น-อาทิตยา ดิถีเพ็ญ’ สะสมประสบการณ์ต่อยอดธุรกิจ

แม้จะทิ้งวงการบันเทิงไปแล้วหลายปี แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังจำกันได้ สำหรับนางเอกหน้าหวานช่องน้อยสี “มิ้น” หรือ อาทิตยา ดิถีเพ็ญ เมื่อในอดีต

ปัจจุบัน “มิ้น” ได้ออกจากวงการบันเทิงอย่างถาวร หันไปจับธุรกิจเต็มตัว แต่ก็ยังติดต่อกับเพื่อนฝูงในวงการและบรรดาเมกอัพอาร์ติสต์อยู่บ้าง เพราะธุรกิจที่ทำอยู่เกี่ยวกับความสวยความงาม นั่นคือเครื่องสำอาง ดำเนินการในนาม บริษัท แฟชั่นควีน จำกัด รั้งตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ นำเข้าเครื่องสำอางจากต่างประเทศ

“มิ้น” เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ออกจากวงการบันเทิงมาจับธุรกิจ เพราะอยากหาประสบการณ์ให้ตัวเอง โดยช่วงแรกทำงานกับบริษัทที่นำเข้ากระเป๋าแบรนด์เนมในตำแหน่งผู้จัดการการตลาด ทำให้มีประสบการณ์ด้านการขาย

และจากประสบการณ์ตรงนี้ บวกกับหลังการแต่งงานมีโอกาสเดินทางไปดูงานและท่องเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว จึงเห็นช่องทางธุรกิจ คิดว่าน่าจะนำเครื่องสำอางจากต่างประเทศมาขายเอง เพราะขณะนั้นคนไทยยังมีโอกาสน้อยที่จะจับจ่ายซื้อสินค้าต่างประเทศในราคาที่ไม่แพง อีกทั้งธุรกิจทางสามี ณัฐกิจ รุ่งจรูญ คือการนำเข้าอุปกรณ์ความงาม นับเป็นการปูเส้นทางเป็นอย่างดี จึงตัดสินใจติดต่อกับบริษัทแม่เพื่อนำสินค้าเข้ามาจำหน่าย

Advertisement

ช่วงแรกนำเข้าเครื่องสำอางจากประเทศเยอรมนี แบรนด์ เอสเซนส์ (Essence) และญี่ปุ่น แบรนด์ คิสมี (Kiss Me) ที่สาวๆ วัยทีนรู้จักกันดี แต่ปัจจุบันคิสมีได้เลิกทำตลาดไปแล้ว

“ธุรกิจของครอบครัวสามีเป็นบริษัทที่ผลิตของสวยงามประเภทบิวตี้จุกจิกของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็น พัฟ ฟองน้ำแต่งหน้า หมวกคลุมผม ที่ดัดขนตา และจากประสบการณ์ตรงนั้น เลยตั้งบริษัทเพื่อนำเข้าเครื่องสำอางของตัวเองขึ้นมาตั้งแต่ปี 2550 ภายใต้เครือบริษัท Golden Inter Holding Group” คุณมิ้นขยายความเพิ่มเติมว่า ช่วงแรกเริ่มทำแบรนด์ Essence ก่อนจนสินค้าเริ่มติดตลาด จึงนำแบรนด์ Catrice (คาทรีซ) สินค้ายอดนิยมกลุ่มเครื่องสำอางจากประเทศเยอรมนี มาทำการตลาดและจัดจำหน่ายเพิ่มเติม

ล่าสุดช่วงต้นปี 2562 ได้นำแบรนด์น้องใหม่ W7 (ดับเบิลยูเซเว่น) จากประเทศอังกฤษเข้ามาจำหน่าย โดยได้ทดลองวางขายในร้านวัตสัน, Multy และ BEAUTRIUM เฉพาะใน กทม. ได้รับการตอบรับดี จึงมีแผนจะทำตลาดในต่างจังหวัดต่อไป

Advertisement

คุณมิ้นบอกว่าแต่ละแบรนด์สินค้าจะจับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ตั้งแต่วัยทีน จนถึงวัยทำงาน อย่างแบรนด์ล่าสุด W7 จะเจาะวัยเริ่มทำงาน ราคาจับต้องได้ในสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน

ปัจจุบันแฟชั่นควีนมีเครื่องสำอางอยู่ในมือรวม 3 แบรนด์ เมื่อดูจากตัวเลขยอดขายแล้วมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามทิศทางของตลาด “มูลค่าการตลาดของธุรกิจความงามค่อนข้างใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย ตัวเลขการเติบโตจะเติบโตขึ้นทุกปี ถือว่ายังมีพื้นที่กว้างมากสำหรับลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการซื้อสินค้าและเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างเยอะ แม้ว่ารายได้เฉลี่ยประชากรต่อคนในประเทศไทยยังมีตัวเลขรายได้ที่ไม่สูงเท่าไหร่ แต่หากจับสินค้าถูกตลาดก็ไปได้” คุณมิ้นกล่าวถึงทิศทางธุรกิจ มั่นใจว่าสินค้าของแฟชั่นควีน ทั้ง 3 แบรนด์ที่นำเข้ามานี้ถือได้ว่าตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้มากๆ ทั้งคุณภาพดีแต่ราคาย่อมเยา โดยเฉพาะแบรนด์เอสเซนส์ จะเห็นได้จากการตอบรับของสินค้าในทุกคอลเล็กชั่นที่วางจำหน่ายจากยอดขายที่ผ่านมา

เมื่อถามว่าอะไรคือสูตรสำเร็จในการทำธุรกิจ “คุณมิ้น” บอกว่า ตัวเองเป็นคนโชคดี เพราะได้ทำงานตั้งแต่เด็กๆ คือตั้งแต่เข้าวงการบันเทิง ได้พบปะผู้คนจำนวนมาก และเมื่อเริ่มทำงานหลังเรียนจบก็ได้เรียนรู้ทั้งเรื่องธุรกิจ และความรู้ในวงการแฟชั่น แบรนด์แมนเนเจอร์กระเป๋าแบรนด์ระดับโลก ก็จะได้เห็นคอลเล็กชั่นใหม่ๆ เพราะเป็นคนเลือกสินค้าเข้ามาจำหน่ายในไทย แต่งานผู้จัดการผลิตภัณฑ์ก็ไม่ได้อยู่แค่นั้น จะต้องดูเรื่องการทำการตลาด ดูยอดขาย ดูโปรโมชั่น และติดต่อกับสื่อมวลสายแฟชั่นและการตลาด นับเป็นการเก็บประสบการณ์งานที่ดีมาก

สำหรับหลักการบริหารงานของคุณมิ้น จะให้ความสำคัญกับทีมเวิร์กในองค์กรมากที่สุด เทคนิคที่ใช้คือรับพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่มาผสมผสานกับคนรุ่นเก่าดั้งเดิม ซึ่งบางคนทำงานที่บริษัทมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาฝึกงานจนปัจจุบันก็ยังทำอยู่

คุณมิ้นบอกว่าการนำพนักงานทั้ง 2 ช่วงอายุมาอยู่ด้วยกันจะทำให้มีการพัฒนาและศึกษางานกัน ระดมความคิดและแลกเปลี่ยนกัน ทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ที่กลั่นกรองมาแล้ว และเป็นไปในทิศทางที่คนเหล่านี้ชอบ สามารถดำเนินตามนโยบายและทำตามแผนงานได้ง่ายและมีความสุข “ปัญหาเรื่องคน คือเป็นเรื่องที่คุมได้ยากที่สุดขององค์กร แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องใจเย็นและตั้งสติเพื่อรับมือสถานการณ์ด้วยการวิเคราะห์ปัญหานั้นๆ หาจุดเริ่มต้นและแก้ที่ละเรื่อง แล้วจะพบทางออกของปัญหาเอง”

คุณมิ้นเล่าให้ฟังอีกว่า เมื่อตั้งใจทำงานและทุ่มเทกับทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ผลงานก็ออกมาดี โดยที่ผ่านมาเครื่องสำอางทุกแบรนด์เติบโตดี ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี โดยแบรนด์เอสเซนส์และคาทรีซ มีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่ 55% และ 45% ตามลำดับ ปีนี้มีแบรนด์ดับเบิ้ลยูเซเว่นเข้ามาเสริมจึงเชื่อว่าจะทำให้เพิ่มสัดส่วนของยอดขายอีกหนึ่งแบรนด์ เพราะจากการทำตลาดใน กทม.เพียงไม่กี่สาขา ได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า

“ในปีนี้เตรียมทำการตลาดทั้ง 3 แบรนด์ เน้นที่แบรนด์คาทรีซและดับเบิลยูเซเว่นมากเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นแบรนด์ใหม่ และมีจุดแข็งของสินค้าคือราคาไม่สูงมาก มีคุณภาพนำเข้าจากยุโรป จับกลุ่มเมกอัพเลิฟเว่อร์มือโปรเป็นกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษาจนถึงวัยทำงาน ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งยอดขาย โปรโมชั่น และการร่วมกิจกรรมทางสื่อออนไลน์ และส่วนตัวมองตลาดเครื่องสำอางในไทยยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้จะมีการแข่งขันที่สูง แต่เชื่อมั่นในเรื่องคุณภาพและแบรนด์คาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น”

เมื่อถามว่า สนใจจะพัฒนาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ไลน์อื่นๆ หรือไม่ โดยเฉพาะเครื่องประทินผิวหรือดูแลผิวทั้งหลาย คุณมิ้นบอกว่าเคยศึกษาแล้ว มีขั้นตอนเยอะ คู่แข่งจำนวนมาก และที่สำคัญเราต้องมีความรู้เรื่องเหล่านี้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องลงไปในรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงตัดสินใจไม่พัฒนาเอง ยังคงโฟกัสที่เครื่องสำอาง โดยขณะนี้สนใจเรื่องเทรนด์การแต่งหน้าของเกาหลีค่อนข้างมาก เพราะแต่งแล้วมีความเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกดี จึงได้ศึกษาสินค้าและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจากเกาหลีอย่างจริงจัง อยากนำเข้ามาขายในเมืองไทย คาดว่าคงอีกไม่นานน่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ใหม่

ประสบความสำเร็จขนาดนี้ คิดจะหวนคืนสู่วงการบันเทิงอีกหรือไม่ “มิ้น” ตอบแบบไม่ต้องคิด “ไม่ เพราะสนุกกับการทำธุรกิจ และตอนทิ้งวงการมาก็แบบทิ้งเลย ไม่คิดเสียดาย”

แม้จะยุ่งกับธุรกิจมากแค่ไหน แต่ “มิ้น” ก็จะให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นลำดับต้นๆ เสมอ โดยมีข้อตกลงกับสามีว่า ใน 1 สัปดาห์จะต้องหาวันหยุดให้ได้ 2 วัน คือ เสาร์-อาทิตย์ เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง หรือไม่ก็แพคกระเป๋าเสื้อผ้าไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดใกล้ๆ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง เพราะเป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติ ทะเล ชอบการดำน้ำ ชมโลกใต้ท้องทะเลดูปะการัง ถึงกับสอบใบอนุญาตดำน้ำได้อีกด้วย

สลัดคราบดารา เป็นเวิร์กกิ้งวูแมนคนหนึ่งที่จัดสรรเวลาได้ลงตัวทั้งการทำธุรกิจและชีวิตครอบครัว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image