“โกลเบล็ก”แนะจับตาค่าบาท มั่นใจมาตรการสกัดเงินร้อนธปท. เอาอยู่ (มีคลิป)

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่น่าจับตามองเป็นเรื่องค่าเงินบาท เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นำเครื่องมือทางการเงินออกมาใช้ เพื่อช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาท ด้วยการปรับลดวงเงินการออกพันธบัตรระยะสั้นในเดือนกรกฎาคม 2562 รวมถึงการปรับลดวงเงินการฝากบัญชีเหลือ 200 ล้านบาท จากเดิม 300 ล้านบาทต่อราย และบังคับให้รายงานข้อมูลการถือครองตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ ในระดับชื่อของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง เพื่อติดตามพฤติกรรมการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะหากใช้เป็นที่พักเงินระยะสั้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯได้ รวมถึงปัจจัยการเมือง ที่งานด่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่คือ การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 พร้อมกับออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงสานต่อโครงการการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐด้วย

“เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น เพราะพบว่าค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปีเกือบทุกสัปดาห์มาตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2562 และเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เงินบาทแข็งค่ามากที่สุดแตะระดับ 30.52 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฐ ซึ่งหากเปรียบเทียบตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นมาจะพบว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีธนาคารทั้งในและต่างประเทศออกมาประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าจนหลุดไปแตะระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯได้ จากที่คาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลต่อกระแสเงินทุนที่ยังไหลเข้ามาในตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากขึ้นได้”นางสาววิลาสินีกล่าว

นางสาววิลาสินี กล่าวว่า ส่วนปัจจัยต่างประเทศ เป็นเรื่องราคาน้ำมันดิบ ที่องค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออก (โอเปก) ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะมีการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน พร้อมกับปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบโลกในปี 2563 ลดลงเฉลี่ยเหลือ 29.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ยังมีปัจจัยบวกอื่นเข้ามาช่วยพยุงราคา อาทิ พายุที่เตรียมพัดถล่มอ่าวเม็กซิโก รวมถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นได้ โดยได้แนะนำกลยุทธ์ในการลงทุนคือ ให้เน้นเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image