จอดป้ายประชาชื่น : เร่งสร้างบรรยากาศลงทุน

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในรัฐบาลที่มีหลายพรรคร่วมและเป็นเสียงปริ่มน้ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จำเป็นต้องเร่งสร้างบรรยากาศความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เพื่อเอื้อต่อการตัดสินใจขยายการลงทุน หรือการตัดสินใจลงทุนในโครงการใหม่ โดยสัปดาห์นี้จะเห็นการเริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว

ย้อนดูที่ผ่านมา เกิดปัญหาข้อพิพาทในโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายโครงการ ระหว่างรัฐกับเอกชน ทั้งกรณีทางด่วนโฮปเวลล์ บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน และเหมืองแร่ทองคำ จนนำไปสู่การฟ้องร้อง บางโครงการกลายเป็นค่าโง่ที่รัฐแพ้คดี ต้องจ่ายค่าชดเชยความเสียหายให้เอกชน บางโครงการมีข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น

ล่าสุดกรณีการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียมหลังสิ้นสุดสัมปทาน ในปี 2565-2566 ยังมีข้อถกเถียงระหว่างรัฐกับเอกชนในความชัดเจนเรื่องการวางหลักประกันการรื้อถอนตามที่ระบุในสัญญาสัมปทาน เหล่านี้ ล้วนไม่เกิดผลดีต่อภาพลักษณ์และบรรยากาศลงทุนไทย

ดังนั้น รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อยู่ในเงื่อนไขที่ง่ายต่อการสร้างบรรยากาศการลงทุนเมื่อเทียบกับช่วงเป็นรัฐบาลภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงต้องกำชับรัฐมนตรีทั้งหลายว่าอย่าทำให้ประเทศเสียโอกาส

Advertisement

เพราะการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี นอกเหนือจากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ให้กับนักลงทุนแล้ว ความเป็นเอกภาพภายในของรัฐบาลก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยรัฐบาลใหม่ต้องไม่มีความขัดแย้งการทำงานระหว่างรัฐมนตรีต่างกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจ

และที่สำคัญควรผ่อนคลายกฎระเบียบที่ล้าหลัง ไม่ทันสมัย เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน รวมทั้งต้องไม่บังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับเอกชน ซึ่งในหลายกรณี ปัญหาต่างๆ ระหว่างรัฐและเอกชนสามารถคลี่คลายและได้ข้อยุติด้วยดีได้ หากพิจารณาบนพื้นฐานของเหตุผลและข้อเท็จจริง

ยิ่งมีคำสบประมาทว่ารัฐบาลประยุทธ์ 2 จะอยู่ได้ไม่เกิน 1 ปี จากสารพัดปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่รุมเร้า รัฐบาลยิ่งต้องโชว์ผลงานพิสูจน์ตัวเอง เพราะถ้าปล่อยให้มีคดีเอกชนฟ้องรัฐเรียกร้องความเป็นธรรมต่ออนุญาโตตุลาการเพิ่มอีก

Advertisement

อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน เศรษฐกิจสะดุด ประชาชนเดือดร้อน อายุของรัฐบาลชุดนี้อาจจะสั้นกว่าที่คิดก็ได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image