“สมโภชน์ อาหุนัย” ผู้สร้างดีเอ็นเอ‘พลังงานบริสุทธิ์’

รายงาน : สมโภชน์ อาหุนัย ผู้สร้างดีเอ็นเอ‘พลังงานบริสุทธิ์’
สมโภชน์ อาหุนัย

ได้มีโอกาสเยี่ยมชมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ AMITA Technologies Inc. ที่สาธารณรัฐจีน หรือที่เรียกกันติดปาก “ไต้หวัน” ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และเป็นพันธมิตรรายหนึ่ง ที่ สมโภชน์ อาหุนัย ผู้ริเริ่มตั้ง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตพลังงานทดแทน เมื่อปี 2549 และดำเนินการบริหารจนแตกแขนงไปอีกหลายธุรกิจ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2556 ภายใต้ตัวย่อ EA ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ถูกจับตามองว่าบริหารกันอย่างไร ที่ก่อเกิดรายได้ต่อปีเป็นหมื่นๆ ล้านบาท เพียงวัยเพิ่งเข้าอายุ 51 ปี

ตอนหนึ่งในการเดินชมโรงงาน คุณสมโภชน์เล่าว่า “จุดที่ควรตัดสินใจว่าจะทำอะไร ต้องหาข้อมูลให้ครบบนพื้นฐานเป็นกลาง และกล้าที่จะทำ บางคนเตรียมมาดีทุกอย่างแต่ไม่กล้าพอ อย่างการพลิกเทคโนโลยีจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ทั้งท้าทายและน่ากลัวไปพร้อมกัน เทคโนโลยีบนพลังงานทดแทนก็เหมือนเทคโนโลยีเอวี คนมองว่ามันยาก พูดตรงๆ ยอมรับว่ายากจริง ยากกว่าที่คิดไว้วันแรกแต่มันไม่ถึงทำไม่ได้ ที่สุดแล้ว เราก็หาเจอและนำมาสร้างอะไรต่ออะไรแล้วต่อยอดไปเรื่อยๆ”

ด้วยแนวคิดนั้น ทำให้วันนี้ EA ที่จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2549 ชื่อเดิมคือ บริษัท ซันเทคปาล์มออยล์ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท ต่อมาปี 2551 ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) และเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อขยายธุรกิจมาเป็นลำดับ จนถึงวันนี้มีบริษัทธุรกิจหลักเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ธุรกิจผลิต และจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) กลีเซอรีนบริสุทธิ์และผลิตภัณฑ์พลอยได้ ธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นพลังงานจากแสงอาทิตย์และลมเป็นหลัก ธุรกิจพัฒนา และผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สำหรับอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้ชื่อ EA Anywhere และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบ และพัฒนาโดยฝีมือคนไทย 100% ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ Mine Mobility ด้วยเทคโลยีใช้แบตเตอรี่เก็บพลังงานไว้ใช้จ่ายไฟสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ต้องใช้น้ำมันเลย เพิ่งเปิดตัวก็มียอดจองกว่า 5 พันคัน ซึ่งมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เฟสแรกปีนี้เริ่มที่กำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ก่อนเพิ่มเป็น 50 กิกะวัตต์-ชั่วโมงในเฟส 2 ปี 2564 เป็นฐานวัตถุดิบสำคัญ

ล่าสุด วันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา EA จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ชื่อ บริษัท อี สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด ดำเนินธุรกิจเรือโดยสารและเรือท่องเที่ยว ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน

Advertisement

กำหนดสร้างเรือต้นแบบ 2 ลำแล้วเสร็จในปลายไตรมาส 3/2562 และเริ่มทดลองขับต้นไตรมาส 4/2562 หลังจากเดือนกุมภาพันธ์ EA ประกาศเปิดตัวโครงการให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน พร้อมเทคโนโลยี STOBA ของกลุ่ม EA เป็นแหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ที่ไร้มลพิษ

เรือไฟฟ้านี้จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 800 KWh ตัวเรือใช้วัสดุอะลูมิเนียมมีน้ำหนักเบา ป้องกันน้ำเข้า และออกแบบให้เรือโคลงน้อยเพราะก่อคลื่นน้อย เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ยกระดับความสะดวกสบายด้วยการติดแอร์ เน้นความสะอาด ตัวเรือกว้างขนาด 7 เมตร ยาว 24 เมตร จุผู้โดยสาร 300 คน วิ่งให้บริการเส้นแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าน้ำปากเกร็ดถึงท่าน้ำวัดราชสิงขร ระยะทางราว 20 กิโลเมตร ใช้งบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท

Advertisement

โดยในแผนงาน ขณะนี้การต่อเรืออยู่ในขั้นตอนเริ่มการขึ้นโครงกระดูกงู ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขึ้นโครงของเรือ เพื่อเริ่มการผลิตเรือไฟฟ้า สำหรับใช้ทดลองวิ่งจำนวน 2 ลำ ขณะเดียวกันได้เตรียมแผนการว่าจ้างผลิตและประกอบเรือไฟฟ้าอีกจำนวน 40 ลำ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือระยะที่ 1 จำนวน 20 ลำผลิตเสร็จภายในปลายปี 2562 ระยะที่ 2 ผลิตเสร็จอีก 20 ลำ ต้นปี 2563 พร้อมกับทยอยติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าและพัฒนาท่าเทียบเรือ เพื่อรองรับการเปิดให้บริการอีกด้วย

ทีมผู้บริหาร EA ส่งสัญญาณมาว่า จะเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพลิกการให้บริการขนส่งทางเรือโดยสารระดับพื้นฐาน ให้ประชาชนหันมานิยมเดินทางด้วยเรือด่วนล่องเจ้าพระยาจนแน่นอีกครั้ง

เมื่อถูกถามว่าอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าวงการพลังงานจะเป็นอย่างไร “การนำพลังงานไฟฟ้าผ่านทรานสปอร์ต กำลังเทกออฟแล้ว เร็วกว่าทุกคนคิด ผมมั่นใจปีหน้า เมืองไทยสนุกแน่ หลายค่ายจองหมดแล้ว เมื่อเทคโนโลยีได้แล้ว ราคาของเทคโนโลยีพลังงานลงมาถึงจุดสู้ได้กับระบบเดิม แม้คนเก่าที่ทำตลาดกันอยู่ยังไม่อยากไปเร็ว ถ้าไปเร็วระบบรองรับทำไวขึ้น คู่แข่งรายใหม่ก็จะแยะตาม อาจเห็นการทำกำไรก่อนออกจากระบบเก่ากันมากขึ้น ค่อยเทหน้าตักใหม่เพื่อไปสู้กันใหม่

ผมมองว่าเมืองไทยมีหลายค่าย หนึ่งในนั้นคือผม หรือจีน ตลาดพลังงานทดแทนนี้ระอุแน่ ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนให้การอุดหนุนจนมีรถไฟฟ้าเกิดถึง 500 แบรนด์ แต่ทราบว่าปีหน้าจะเลิกอุดหนุน เชื่อว่าสุดท้ายจะเหลือไม่กี่แบรนด์ ซึ่งนโยบายรัฐก็มีส่วนสำคัญต่อการทำธุรกิจ ผมเป็นบริษัทเอกชนก็ต้องบาลานซ์ วางยุทธศาสตร์ต้องทำได้จริง เลือกเวลาที่เหมาะสม วิชั่นสำคัญ”

เมื่อถามถึงวิสัยทัศน์ “เราต้องดูตนเอง อะไรทำไม่ได้ต้องหาพันธมิตร หรืออะไรที่ควรซื้อก็ต้องซื้อ อย่าง AMITA ผมคุยนาน 2-3 ปีนั่งกินกาแฟกันเป็นร้อยๆ ถ้วย พร้อมกับหาข้อมูลรอบตัวเขาด้วย จนสุดท้ายก็มาจบที่เขา แต่อย่างไรต้องการพัฒนาจนเป็นเทคโนโลยีของเราเองด้วย จากนี้พลังงานทดแทนทำให้อุตสาหกรรมไทยยกระดับไปอีกขั้น เทคโนโลยีอีวีจะยกระดับอุตสาหกรรมไปอีกขั้น สิ่งที่ผมทำบวกสิ่งที่เมืองไทยมี ตัดยี่ห้อไปก่อน จะเป็นครั้งแรกที่ไทยทำรถยนต์ได้เองครบ 100%

อยากให้เข้าใจว่าการลงทุนได้เปลี่ยนไปมากแล้ว อุตสาหกรรมขนาดยักษ์ใหญ่จากทั่วโลก มองว่าประเทศอื่นแทนไทยมากขึ้น เพราะการลงทุนเขาต้องการค่าแรงถูก และมีแรงงานที่เป็นวัยทำงาน ทำให้หลายปีมานี้โครงการลงทุนใหญ่จากต่างประเทศเข้าไทยน้อยมาก หากเทียบกับไปกัมพูชา แม้จะลดภาษี แต่เมื่อแรงงานวัยทำงานลดลงคนสูงวัยมากขึ้น จากนี้ธุรกิจต้องคำนึงเรื่องนี้ด้วย ที่สำคัญคนไทยต้องเชื่อมั่นคนไทยด้วยกันเอง และคิดว่าจะทำอย่างไรให้เมืองไทยโตแข่งขันกับทุนต่างชาติได้ อย่าใช้เทคโนโลนีอย่างเดียว ต้องวิจัยและสร้างอินโนเวชั่น ให้คำนึงถึงการสร้างดีเอ็นเอใหม่ๆ ทั้งทีมงานและการมองธุรกิจ อย่างที่ EA กำลังทำ อยากส่ง message นี้ออกไป”

พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “อย่ามองว่าต้องเป็นเบอร์ 1 เท่านั้น แต่ควรมองว่าเมื่อทุกคนทำให้ตลาดโตได้ เราก็โตไปด้วย” นี่คือจุดเริ่มต้นทำธุรกิจพลังงานสะอาด

นวลนิตย์ บัวด้วง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image