คิด เห็น share : กำไรบริษัทใน SET Index 2 ไตรมาส‘อ่อนแอ’ : โดย สุโชติ ถิรวรรณรัตน์
สวัสดีครับ คอลัมน์ “คิด เห็น แชร์” วันนี้ ผมขอหยิบยกบทสรุปของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทย หลังจากที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายงานผลการดำเนินงานครบถ้วนทุกบริษัทแล้ว เพื่อวิเคราะห์ถึงโอกาสการลงทุนใน 2H62 ในสถานการณ์ที่ความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกว่าอาจจะเข้าสู่ ภาวะถดถอย หรือ Recession ในอนาคตอันใกล้
จากการรวบรวมข้อมูลโดยฝ่ายวิจัยฯ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) พบว่า กำไรรวม 2Q62 ของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET index โดยรวมลดลง -16.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว (หรือ YoY) และลดลง -18.6% เมื่อเทียบกับ 1Q62 (หรือ QoQ) และรวม 6 เดือนแรกของปี 2562 กำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET index ลดลง -13.1% YoY โดยหากแยกพิจารณารายกลุ่มอุตสาหกรรม จะพบว่า อุตสาหกรรมที่มีกำไร 2Q62 เติบโตได้แบบ YoY ได้แก่ กลุ่มสถาบันการเงิน (Non-Bank) มีกำไรเติบโตราว +8.2% YoY และกลุ่มสื่อ มีกำไรเติบโตราว +24.8% YoY
ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญอื่นๆ ล้วนแล้วแต่มีกำไรที่ปรับลดลง YoY อาทิ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (-34% YoY), กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (-24% YoY), กลุ่มท่องเที่ยว (-104% YoY), กลุ่มขนส่ง (-93% YoY), กลุ่มโรงพยาบาล (-10.5% YoY), กลุ่มพลังงาน (-6% YoY), และกลุ่มค้าปลีก (-1% YoY)
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในมุมของผลการดำเนินงานที่บริษัทจดทะเบียนรายงานออกมาเทียบกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ถือว่าผลการดำเนินงานใน 2Q62 โดยรวมนั้น ต่ำกว่าคาดเพียงเล็กน้อย โดยเมื่อพิจารณากำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนที่ฝ่ายวิจัยฯ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ทำการออกบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจำนวน 105 บริษัทฯ (KGI’s Coverage) ซึ่งมีกำไรรวมคิดเป็น 77% ของกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET index ทุกบริษัท พบว่ากำไรรวม 2Q62 ของบริษัทจดทะเบียนทั้ง 105 บริษัท ใน KGI’s Coverage นั้น ต่ำกว่าคาดเพียง -1%
โดยหากพิจารณากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีผลการดำเนินงาน 2Q62 ดีกว่าคาดนั้นได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (บริษัทที่กำไรดีกว่าคาดมากได้แก่ CK) และกลุ่มสื่อสาร (บริษัทที่กำไรดีกว่าคาดมากได้แก่ บริษัทมือถือทั้ง 3 ค่าย ADVANC, DTAC, และ TRUE)
ประเด็นที่ผมประเมินว่านอกเหนือความคาดหมายคือ กำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนี MAI ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็ก กลับมีกำไรรวมใน 2Q62 ที่เติบโตถึง +20.3% YoY และ +6.7% QoQ และเมื่อรวมกำไรช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 พบว่ามีกำไรรวมเพิ่มขึ้น +13% YoY ซึ่งสิ่งที่ผมบอกว่านอกเหนือความคาดหมาย เพราะว่าโดยปกติแล้ว เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัว ตามทฤษฎีทางการเงินนั้น บริษัทขนาดเล็กจะมีความต้านทานต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจได้น้อยกว่าบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานเงินทุน, ฐานลูกค้า ที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งราคาหุ้นในกระดานช่วงที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมีการคาดการณ์เช่นนั้น จึงทำให้ดัชนี MAI ปรับตัวลงมากกว่าดัชนี SET index หรือดัชนี SET50 แต่ผลการดำเนินงานที่รายงานออกมากลับกลายเป็นว่า หุ้นขนาดเล็กหลายตัวกับมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา
เมื่อเราพิจารณาถึงกำไรรวม 2Q62 ของบริษัทจดทะเบียนแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยหากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยใน 2Q62 จะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยนักเศรษฐศาสตร์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินอัตราการขยายตัวของ GDP ไทย 2Q62 จะขยายตัวเพียง +2.1% YoY ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจาก 1Q62 ที่ระดับ +2.8% YoY โดยเป็นผลจากมูลค่าการส่งออกที่ชะลอตัว รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ ที่เบิกจ่ายล่าช้าในช่วงรัฐบาลรักษาการหลังการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา
ซึ่งหากในวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2562 การรายงานตัวเลข GDP 2Q62 ของไทยเป็นไปตามที่คาดการณ์ มีโอกาสที่ฝ่ายวิจัยฯจะต้องทำการปรับลดเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ปีนี้ลงเหลือ 3.0% (จากเดิมคาดการณ์ไว้ที่ 3.3%) และส่งผลให้ที่ประชุม กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% เหลือ 1.25% ในการประชุมวันที่ 25 กันยายน 2562 นี้
กลับมาที่ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ ผมประเมินว่า ปัจจัยที่อาจจะเข้ามาช่วยหนุนการลงทุนอีกครั้ง คือ การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของประเทศหลักๆ โดยเฉพาะจีน ซึ่งอาจจะทำให้ความมั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลกกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
และจะทำให้นักลงทุนกล้าที่จะกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น อีกครั้ง หลังจากที่ในปัจจุบัน นักลงทุนปิดสวิตช์การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตร และทองคำ แม้ว่าราคาของสินทรัพย์ปลอดภัยทั้ง 2 ประเภทจะปรับขึ้นมามากแล้วก็ตาม
สุโชติ ถิรวรรณรัตน์