ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 21 ส.ค.นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “กนอ.ต้องทำให้นิคมอุตสาหกรรมตอบโจทย์สังคม!” โดยมีรายละเอียดคือ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงคำขอถมทะเลของกลุ่มเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น เพื่อรองรับการลงทุนโครงการปิโตรเคมี
ขณะนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ให้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว
ผมถามว่า สถาบันนี้ได้เงินอุดหนุนจากธุรกิจปิโตรเลียม/ปิโตรเคมี ใช่หรือไม่? ถ้าใช่ ผลการศึกษาจะมีความเป็นกลางแท้จริงได้เพียงใด?
แต่ที่สำคัญคือ การถมทะเลพื้นที่กว้างขวางขนาดหลายพันไร่นั้น มีมิติด้านสิ่งแวดล้อม และด้านความมั่นคงทางการทหาร ที่ยังต้องถกแถลงอีกมากมาย
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. สภาที่ 3 ลงพื้นที่เกษตร เพราะกังวลว่าอีอีซี แทนที่จะรักษาพื้นที่กันชน (buffer zone) กลับจะเปิดประตูให้อุตสาหกรรม รุกล้ำไล่ที่เกษตร
แต่นอกจากนี้ สภาที่ 3 พบว่า มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรมเอกชนที่ได้รับอนุญาตไปก่อนหน้านี้ด้วย
โดยกรณีโครงการอมตะ 1 ถูกกล่าวหาว่า ได้สร้างอาคารใหญ่ทับคลองสาธารณะ คือ ปราสาทอมตะ และคลับเฮาส์ของสนามกอล์ฟ
สภาที่ 3 ได้รับข้อมูลว่า กรณีเอกชนได้รับใบอนุญาตทำนิคมอุตสาหกรรมนั้น พื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ในเขตนิคมเอกชน จะตกไปอยู่ในการดูแลของ กนอ.
ถ้าเป็นเช่นนี้ กนอ. มีภาระหน้าที่จะต้องดูแลเอกชนที่ใช้พื้นที่สาธารณะดังกล่าว โดยต้องไม่มีการก่อสร้างอาคารคร่อม สะพานข้ามคลองต้องมีขนาดกว้างไม่เกินกำหนด เพื่อให้แสงแดดส่องถึงน้ำ
และต้องมีขบวนการประชาคมในการบริหารน้ำ เพื่อแบ่งระหว่างชุมชนกับนิคม
การที่เอกชนสามารถสร้างอาคารรุกล้ำเกิดขึ้นได้ ก็น่าจะแสดงว่า กนอ. มิได้ตรวจตราเท่าที่ควร
กนอ. ไม่ทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้แก่สังคม ยิ่งจะมาเป็นโต้โผ ถมทะเลหลายพันไร่ ยิ่งน่าเป็นห่วง