นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อํานวยการสํานักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบโลกวันที่ 17 กันยายน ลดลงเล็กน้อยจากวันที่ 16 กันยายน และราคาอยู่ที่ 62.08 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ว่าหากสถานการณ์ในซาอุดีอาระเบียไม่ยืดเยื้อและปิดโรงกลั่นแหล่งใหญ่ไม่นาน เชื่อว่าราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นช่วงสั้นๆ ก่อนลดลงสู่คาดการณ์เดิม และทําให้ในช่วงที่เหลือเดือนกันยายน-ธันวาคม 2562 ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 63.1 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังคงต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 69.4 หรือลดลง 9.0% ส่วนราคาน้ำมันทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 64.12 หรือลดลง 7.3%
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า สําหรับสินค้าสําคัญที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงต่อการปรับขึ้นราคาน้ำมัน ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ น้ำมันสําเร็จรูป น้ำมันดิบ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว และก๊าซธรรมชาติ โดย 7 เดือนแรกของปี 2562 สินค้ากลุ่มนี้มีมูลค่าการส่งออก 14,900 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 10.4% ของการส่งออกรวมของไทย แต่อัตราขยายตัวติดลบ 12.2% มากกว่าการหดตัวของราคาน้ำมันดูไบที่หดตัว 5.4%
“ดังนั้น การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันในช่วงสั้นๆ จะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสั้นหรืออาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นเป็นเพียงระยะสั้น ผู้ประกอบการยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ รวมทั้งผู้ส่งออกยังจําเป็นต้องรักษาฐานลูกค้าภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวที่ความต้องการซื้อมีความอ่อนไหวต่อการเพิ่มขึ้นของราคามากกว่าในช่วงปกติ” นางสาวพิมพ์ชนกกล่าว
นางสาวพิมพ์ชนกกล่าวว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2562 การส่งออกเม็ดพลาสติกมีมูลค่า 5,470 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 9.5% หดตัวมากกว่าราคาน้ำมันประมาณ 2 เท่า ตลาดส่งออกสําคัญ ได้แก่ จีน 34.18% ญี่ปุ่น 10% และเวียดนาม 9.24% การส่งออกเคมีภัณฑ์มีมูลค่า 4,580 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 13.5% หดตัวมากกว่าราคาน้ำมันมากกว่า 2 เท่า ตลาดส่งออกสําคัญ ได้แก่ จีน 24.54% อินเดีย 10.25% และอินโดนีเซีย 9.75% และการส่งออกน้ำมันสําเร็จรูปมีมูลค่า 4,420 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 11.7% หดตัวมากกว่าราคาน้ำมันประมาณ 2 เท่า ตลาดส่งออกสําคัญ ได้แก่ สิงคโปร์ 20.54% กัมพูชา 18.39% และมาเลเซีย 12.89%
ดังนั้น การปรับขึ้นราคาน้ำมันครั้งนี้จะทําให้การส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันมีโอกาสปรับตัวดีขึ้นในช่วงสั้น เนื่องจากในระยะยาวราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลงจากปัจจัยการบริโภคน้ำมันโลกที่อ่อนแอตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สําหรับอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะส่งผลโดยตรงต่อราคาพลังงานในประเทศ และส่งผลให้รายการสินค้าสําคัญในตระกร้าดัชนีราคาผู้บริโภค อาทิ ราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ NGV และ LPG เพิ่มสูงขึ้นด้วย
