เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 มกราคม นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง “โครงการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของเกษตรกรและเครือข่ายชาวสวนยาง ในภาวะราคายางตกต่ำ” ซึ่งจัดโดยกรมการข้าว ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้ตัวแทนเกษตรกรที่เดือดร้อนสรุปรวมสถานการณ์ข้อเสนอ ผลการรับข้อเสนอ การขับเคลื่อนข้อเสนอ และการกำหนดทิศทางต่อไปในการแสวงหาทางออกที่เป็นธรรมให้ชาวสวนยางอยู่ได้ในอาชีพการปลูกยางพารา
นายประพัฒน์กล่าวว่า ต้องขอบคุณที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยให้ภาครัฐรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อใช้ในประเทศ ซึ่งจากการสอบถามเกษตรกรชาวสวนยางมีความพอใจต่อมาตรการที่รัฐบาลจะเข้ามาแทรกแซง ซื้อยางพาราออกจากตลาด ที่จะส่งผลให้ราคาสูงขึ้น แต่ก็มีความกังวลกรณีที่ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)มารับซื้อยางพารา เพราะเป็นองค์กรที่ไม่เคยมีประสบการณ์ซื้อขายยางพารามาก่อน เกรงว่าจะเกิดปัญหาขลุกขลักได้ นอกจากนี้ควรเร่งแต่งตั้งผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยให้เสร็จโดยเร็ว เพราะเป็นหน่วยงานที่จะสามารถช่วยเหลือ และทำงานร่วมกับเกษตรกรที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาได้ให้ทันท่วงที และควรเร่งประชุมบอร์ดการยางฯ ให้เร็วที่สุด เพื่อหามาตรการออกมาช่วยเหลือปัญหายางพาราให้เร็วที่สุด แม้ว่าจะติดขัดเรื่องการแต่งตั้งผู้ว่าการยาง แต่มีรักษาการผู้ว่าการยางก็น่าจะดำเนินการประชุมได้
นายสิทธิพร จริยพงศ์ รองประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 14 มกราคมนี้ จะทำข้อเสนอไปยังนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องเรื่องต่างๆ ประกอบด้วย 1.ให้รัฐบาลเร่งสรรหาผู้ว่าการยางฯ ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับจากนี้ หากไม่สามารถทำได้ ตัวแทนเครือข่ายเกษตรกรจะขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการชี้แจงเรื่องนี้ 2.เสนอให้ กยท. ร่วมมือกับ อคส. เพื่อดำเนินการรับซื้อยางพารา โดยให้รับซื้อทั้งจากเกษตรกรรายย่อย กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและสถาบันเกษตรกรโดยตรง แล้วจัดสรรโควตาให้ชัดเจน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการในแต่ละจังหวัดซึ่งมีตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมให้มีส่วนร่วมในการรับซื้อยางพาราด้วย 3.เสนอราคาชี้นำในการรับซื้อยางพาราของภาครัฐ ให้เป็นราคาเป้าหมายที่รัฐบาลจะผลักดันไปให้ถึง ไม่ใช่ราคาขั้นต่ำที่รัฐบาลต้องรับซื้อ โดยราคายางแผ่นดิบชั้น 3 อยู่ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ราคายางก้อนถ้วย 100% และน้ำยางสดอยู่ที่ 54-55 บาทต่อกก.
4.รัฐบาลควรกำหนดให้ กยท.ผลักดันให้มีเกษตรอุตสาหกรรม โดยให้สภาเกษตรกรแห่งชาติเป็นผู้ประสานงาน เพื่อให้เกษตรกรทำเกษตรครบวงจรทั้งผลิต แปรรูป และการตลาดด้วยตัวเองได้ โดยการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน อาทิ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 5.เร่งรัดการให้ความช่วยเหลือตามนโยบาย 16 มาตรการอย่างเร่งด่วน และ 6.ขอให้ขยายเวลาการชำระเงินคืน ธ.ก.ส.ของเกษตรกร สถาบันเกษตรกร เป็น 31 มีนาคม 2560 จากเดิม 31 มีนาคม 2559
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตัวแทนเกษตรกรที่เข้าร่วมเวทีประกอบด้วย คณะกรรมการด้านยางพารา สภาเกษตรกรแห่งชาติ สมาคมเกษตรกรชาวสวนยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ เครือข่าย 16 จังหวัดภาคใต้ สมาคมชาวสวนยางสุราษฎร์ธานี สมาคมชาวสวนยางและคนกรีดยางจังหวัดชุมพร เครือข่ายชาวสวนยางจังหวัดพัทลุง ภาคีเครือข่ายยางพาราและปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย แนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง สมาคมเครือข่ายเกษตรกรสถาบันเกษตรกรยางพาราไทย คณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สมาคมสหพันธ์เกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้กรีดยาง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
