‘จุรินทร์’ผงาดเวที’ไชน่าอาเซียน เอ็กโปร์’ประกาศขับเคลื่อนนโยบาย’หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’

‘จุรินทร์’ ผงาดเวทีไชน่าอาเซียน เอ็กโปร์ ประกาศขับเคลื่อนนโยบาย’หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง’เกื้อกูล เปิดกว้างสินค้าและบริการสู่ต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง นครหนานหนิง ประเทศจีน พิธีเปิดงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีนครั้งที่ 16 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมนานาชาติหนานหนิง (Nanning International Convention & Exhibition Center: NICEC) นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมพิธีเปิดงานไชน่าอาเซียน เอ็กโปร์ ครั้งที่ 16 และเป็นหนึ่งในผู้นำคณะในนามรัฐบาลไทยร่วมกล่าวบนเวทีพิธีเปิด

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นามของรัฐบาลไทย รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาร่วม “งานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน ครั้งที่ 16”ในวันนี้ โดยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จีนกับอาเซียนมีความสัมพันธ์ยาวนานแสดงให้เห็นได้ว่าความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างสองภูมิภาคได้ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนำไปสู่การแลกเปลี่ยนในหลายมิติ ไม่เพียงแค่การค้าและการลงทุน แต่รวมถึงการเดินทางไปมาหาสู่ของประชาชนทั้งสองภูมิภาคที่เพิ่มมากต่อเนื่องทุกปี

และในวาระครบรอบ 70 ปี แห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในปีนี้ ขอแสดงความชื่นชมยินดีที่รัฐบาลจีนได้พัฒนาประเทศและทำให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีอย่างถ้วนหน้า ทุกเมืองล้วนมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสม และเป็นนโยบายเปิดกว้างสู่ตลาดต่างประเทศ
 
นโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) เป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญที่เกื้อกูลเปิดกว้างสู่ต่างประเทศ โดยช่วยขยายความร่วมมือไม่เพียงกับประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ยังรวมถึงประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ตามแนวเส้นทาง BRI ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงทั้งด้านเศรษฐกิจ การพัฒนา และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน อย่างไรก็ตามนโยบายไทยแลนด์4.0 ของรัฐบาลไทยมีความสอดคล้องกับนโยบายหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง และสามารถเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับนโยบายของทั้งสองประเทศได้ในหลายมิติ ช่วยให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกไปสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 และความท้าทายต่างๆในปัจจุบัน ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายวัตถุดิบ สินค้า แรงงาน และประชาชน นำประเทศเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานการผลิตระหว่างกัน เพื่อลดต้นทุนในระบบสินค้าเกี่ยวเนื่องของภูมิภาคและสินค้าและบริการสู่ตลาดโลกต่อไป

Advertisement

ส่วนเรื่องของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงระหว่างไทย-อาเซียน-จีนนั้น ในปี 2562 ประเทศไทยได้ลงทุนคิดเป็นมูลค่ากว่า 43 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงดังกล่าว ซึ่งโครงการที่สามารถดำเนินการได้ทันทีได้แก่ โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และโครงการสร้างรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน

การเดินทางมาเยือนนครหนานหนิงในครั้งนี้ นอกจากนำคณะผู้ประกอบการมาร่วมงานไชน่าอาเซียนเอ็กซ์โปร์แล้ว ได้พาคณะผู้แทนไทยด้านสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ตลอดจนผลไม้ มาพบและหารือกับภาคธุรกิจของจีน และจะมีการลงนามความร่วมมือว่าด้วยการซื้อขายสินค้าเกษตร ระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าของจีนด้วย

ส่วนความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP จะเป็นอีกหนึ่งกรอบความสัมพันธ์ทางการค้าที่จะช่วยเพิ่มพูนให้การค้าระหว่างจีนกับอาเซียนมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในโอกาสที่ไทยในฐานะประธานอาเซียนและประธานการประชุมรัฐมนตรี RCEP ในปีนี้ ตั้งเป้าที่จะเจรจาให้บรรลุข้อตกลง RCEP เพื่อให้ทุกประเทศสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมีพลวัตและเกิดประโยชน์ที่ยั่งยืน และลดความผันผวนของเศรษฐกิจและการค้าโลก ทั้งนี้ การสรุปผลการเจรจา RCEP จะทำให้อาเซียนและจีนสามารถเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ ที่มีประชากรรวมกันกว่า 3,500 ล้านคน หรือประชากรกว่าครึ่งโลก มีมูลค่า GDP กว่า 27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 32 ของมูลค่า GDP โลก” นายจุรินทร์ กล่าว

จากนั้น นายจุรินทร์ ได้กล่าวชื่นชมขอบคุณรัฐบาลจีนที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน CAEXPO อย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ก็เป็นครั้งที่ 16 แล้ว และตลอด 16 ปีที่ผ่านมา งาน CAEXPO ได้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักธุรกิจจากอาเซียนและจีนได้ทำความรู้จักกัน ได้แสดงบทบาทและศักยภาพร่วมกัน การกำหนดให้กว่างซีเป็นประตูสู่อาเซียน ในฐานะผู้แทนประเทศไทยขอยืนยันว่า เราพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดงาน CAEXPO ในครั้งนี้ และครั้งต่อๆไปไม่มีที่สิ้นสุด
 
สุดท้ายนี้ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เห็นด้วยอย่างยิ่งกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เคยหยิบยกสุภาษิตจีนที่ว่าดอกไม้บานเพียงดอกเดียวยังไม่นับเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ดอกไม้ร้อยดอกที่บ้านสะพรั่งพร้อมกันถึงจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่สวยงาม เปรียบเทียบว่า จีนจะเจริญเพียงประเทศเดียวในโลกไม่ได้ แต่ต้องพัฒนาและเจริญไปพร้อมๆกัน ต้องจับมือไปด้วยกัน ดังนั้นการดำเนินงานของไทยกับจีนและอาเซียนจึงต้องอาศัยการมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน ทำงานเกื้อหนุนกัน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และในโอกาสที่วันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่กำลังจะมาถึงในเดือนตุลาคมนี้ ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนาทุกประการ หวังว่า ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับจีนจะเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน
 
รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีนล่าสุดปี 2018 มีมูลค่า 80,220 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้นั้นการค้าระหว่างไทยกับจีนมีมูลค่า 44,933 ล้านเหรียญสหรัฐและทั้งสองฝ่ายต่างเต็มที่ในการจะเพิ่มการค้าระหว่างกันนอกจากนั้นผลการจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียนจีนตั้งแต่ปี 2005 จนถึงปัจจุบันได้มีการลดภาษีสินค้าระหว่างกันเป็น 0% แล้วกว่าร้อยละ 90 ของรายการสินค้าทั้งหมดผู้ประกอบการไทยมีอัตราการใช้สิทธิ์ที่ประโยชน์ภายใต้ความตกลงนี้สูงถึงร้อยละ 98 ของมูลค่าการส่งออกที่ได้รับสิทธิ์

Advertisement

และล่าสุดอาเซียนและจีนก็เห็นพ้องที่จะเริ่มการหารือแนวทางเพื่อยกระดับตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีนรวมถึงเปิดเสรีสินค้าเพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ เช่น อีคอมเมิร์ซ และการขจัดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี หากสรุปข้อตกลงได้เพิ่มเติมก็จะทำให้การค้าระหว่างไทย-จีนขยายตัวยิ่งขึ้น

สำหรับงานไชน่า อาเซียน เอ็กโปร์ ( China -Asean Expo (CAEXPO)) ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 16 ซึ่งไทยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่องทุกปีโดยคัดเลือกผู้ประกอบการเข้างานเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในปีนี้เข้าร่วม 165 รายทั้งสินค้าอาหารสุขภาพความงามของตกแต่งบ้านแฟชั่นอัญมณีและเครื่องประดับ โดยวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำคณะผู้ประกอบการและภาคเอกชนร่วมทำข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการซื้อขายสินค้าเกษตรทั้งมันสำปะหลัง ผลไม้ระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าของจีน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image