นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานการประชุมรวมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน เรื่อง “ประชารัฐสร้างไทย” ว่า แบงก์รัฐนำเสนอสินเชื่อสนับสนุนประชาชนฐานรากวงเงินกว่า 2.85 แสนล้านบาท สามารถปล่อยกู้ได้ทันที โดยหลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากประชารัฐสร้างไทย ขณะนี้ดูองค์ประกอบว่าจะมีหน่วยงานไหนมาร่วมบ้าง พร้อมเปิดรับทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ให้มาร่วม โดยยืนยันว่าการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีต่างพรรคไม่ได้มีปัญหาอะไร ใครจะเข้ามาร่วมก็ได้ สำหรับมาตรการที่จะนำมาใช้เพื่อช่วยพัฒนาประชาชนฐานรากนั้นคงต้องให้คณะกรรมการร่วมประชุมกันก่อนว่าจะทำอะไรบ้าง คาดว่าไม่เกินสิ้นปีนี้จะเห็นภาพชัดเจน ถ้าอะไรต้องเสนอครม.จะเสนอแต่คงไม่ใช่เสนอทันทีวันอังคารที่จะถึงนี้
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวว่า กระบวนการในการสร้างเศรษฐกิจฐานรากเตรียมสินเชื่อไว้ 4 กลุ่ม ในช่วง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2564 ประกอบด้วย 1.สินเชื่อในกลุ่มสมาร์ทฟาร์มเมอร์ 3 แสนรายธ.ก.ส.เตรียมวงเงินปล่อยกู้ไว้ 3 หมื่นล้านบาท 2. สินเชื่อดำเนินการโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) เตรียมวงเงินปล่อยกู้ 3 หมื่นล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี 3 หมื่นราย 3.สินเชื่อวิสาหกิจชุมชน วงเงิน 4 หมื่นล้านบาทเป้าหมายสร้างวิสาหกิจชุมชน 4 หมื่นกลุ่ม และ 4.สินเชื่อสหกรณ์เกษตร วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทพัฒนาธุรกิจสหกรณ์เกษตร1.5 พันแห่ง
นายอภิรมย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อปลูกป่าสร้างรายได้เพื่อให้เป็นแหล่งเงินให้เกษตรกรที่ต้องการปรับเปลี่ยนอาชีพปลูกป่าสร้างรายได้ มีเป้าหมายใน 11 จังหวัดในแถบภาคเหนือมีเป้าหมาย 5 แสนไร่ เกษตรกร 5 หมื่นราย สินเชื่อวงเงิน 5 พันล้านบาท ซึ่งนอกจากสินเชื่อแล้ว ธ.ก.ส.จะสร้างศูนย์บริการลูกค้าเอสเอ็มอีเกษตร และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจชุมชนทั้ง 77 จังหวัด และปรับบทบาทพนักงานให้เป็นพนักงานพัฒนาธุรกิจชุมชน 2 พันคน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก มีทั้งสร้างความรู้ สร้างอาชีพ สนับสนุนให้นำสินค้าไปขายในร้านโชว์ห่วย ร้านธงฟ้า และสร้างตลาดนัดประชารัฐ ตลาดนัดประชารัฐนั้นเตรียมทั้งในจุดพักรถบ้านปตท. ตลาดในพื้นที่ อปท. รวมถึงจัดสรรพื้นที่สร้างตลาดจากกรมธนารักษ์ การนิคมอุตสาหกรรม(กนอ.) และสินเชื่อรอการขาย(เอ็นพีเอ)ของแบงก์รัฐ รวมถึงจะมีการสอนให้ทำธุรกิจออนไลน์ สร้างเว็บไซค์ให้พ่อค้า แม่ค้ามาขายผ่านออนไลน์ มีความร่วมมือธุรกิจเพื่อให้นำสินค้าไปสู่มือผู้บริโภค
นายชาติชายกล่าวว่า สำหรับในเรื่องเงินทุนนั้นธนาคารออมสินเตรียมแหล่งเงินทุน ธ.ก.ส.เตรียมวงเงินไว้ 1.5 แสนล้านบาท เพื่อนปล่อยกู้ประชาชนฐานราก 2 ล้านราย หรือเฉลี่ยรายละประมาณ 7.5 หมื่นบาท ปล่อยกู้แบบผ่อนปรน เช่น สินเชื่อหาบเร่แผงลอย สินเชื่อผู้ใช้แรงงาน สินเชื่อสถาบันการเงินประชาชน สินเชื่อสตรีทฟู้ด สินเชื่อโฮมสเตย์ โดยมีสินเชื่อใหม่คือ ในกลุ่มสินเชื่อหาบแร่แผงลอย แถม ประกันชีวิตเท่ากับวงเงินกุ้ เพื่อสร้างหลักประกันให้กับกลุ่มประชาชนนี้ด้วย
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยกล่าวว่า ธนาคารเข้าไปสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากผ่านการพัฒนาระบบการเงินที่เชื่อมโยงกลุ่มคนฐานรากไปจนถึงผู้ประกอบการทั่วไปเพื่อนำไปฐานข้อมูลที่จะส่งผ่านให้รัฐบาลนำไปบูรณาการนโยบายในการดูแลเศรษฐกิจได้ โดยขณะนี้ ธนาคารได้เชื่อมโยงระบบการเงินผ่านบัตรคนจนกว่า 14.6 ล้านคน และจะเขื่อมโยงกลุ่มผู้เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใข้อีก 10 ล้านคน เชื่อมผ่านลูกค้าโมบายแบงก์กิ้งอีก 7 ล้านราย ร้านค้าธงฟ้า 8.5 หมื่นราย และจะขยายไปสู่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการชิมช้อปใช้อีก โดยเมื่อรวมกับร้านธงฟ้าแล้วจะมีร้านค้าที่เชื่อมโยงระบบการเงินกับธนาคารถึง 1.5 แสนราย
“ระบบบิ๊กดาต้าดังกล่าว จะทำให้เราเห็นข้อมูลที่จะจัดสรรทรัพยากรและเชื่อมโยงตั้งแต่ฐานรากถึงผู้ประกอบการกลุ่มต่างๆตั้งแต่เอสเอ็มอี และโลติสติกส์ ที่จะทำให้ภาครัฐสามารถบูรณาการนโยบายการดูแลได้ทั้งระบบ ทำใก้ฐานรากเติบโตอย่างเข้มแข็ง”นายผยงกล่าว
