ทีเอ็มบี-ออมสิน ปิดดีลขายหุ้นบลจ.ธนชาตให้กลุ่มพรูเด็นเชียลฯ มูลค่า 8.4 พันล้านบ.

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย(ทีเอ็มบี) เปิดเผยถึงแผนการควบรวมของธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ว่า หลังจากที่ธนาคารเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารธนชาตจะขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ธนชาตจำกัด(TFUND) ให้กับ บริษัทพรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่(โดยอ้อม) ของ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์(สิงคโปร์) โดยปัจจุบันธนาคารธนชาตถือหุ้นของ บลจ.ธนชาตสัดส่วน75% และธนาคารออมสินถือหุ้น25% โดยสัญญาซื้อขายหุ้นคาดว่าจะมีมูลค่าธุรกรรมรวมไม่ต่ำกว่า8.4 พันล้านบาท ซึ่งการขายในส่วนแรกธนาคารธนชาตจะขายหุ้นในสัดส่วน25.1% (จากที่ถืออยู่ทั้งหมด75%) ขณะที่ธนาคารออมสินจะขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่25% ให้กับพรูเด็นเชียลคิดเป็นมูลค่าการซื้อขายรวมในครั้งแรกนี้เท่ากับ 4.2 พันล้านบาท ซึ่งภายหลังการซื้อขายเสร็จสิ้นพรูเด็นเชียลจะถือหุ้นในบลจ.ธนชาตในสัดส่วน50.1% และธนาคารธนชาตจะถือหุ้น49.9% ทั้งนี้สำหรับการขายในส่วนแรก25.1% จำนวน2.1 พันล้านบาทธนาคารจะมีการบันทึกรายการขายดังกล่าวจากธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทย่อยในงบการเงินรวมสิ้นสุดวันที่31 ธันวาคม 2562

 นายปิติ กล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทกลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทยจำกัด(TMBAM Eastspring) 35% ซึ่งหลังจากเข้าซื้อหุ้นธนาคารธนชาตธนาคารจะถือหุ้นบลจ.ธนชาต49.9% โดยอ้อมโดยทั้งธนาคารและอีสท์สปริงอินเวสท์เมนทส์(สิงคโปร์) ได้มีการวางแผนที่จะรวมกิจการของ2 บลจ. ระหว่างบลจ.ทหารไทยและบลจ. ธนชาตเข้าด้วยกันปี2564 ซึ่งเมื่อทั้ง2 บลจ. รวมกันแล้วจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นอันดับที่4 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ(AUM) ประมาณ6.50 แสนล้านบาท(ข้อมูลเดือนสิงหาคม2562) ในระหว่างนี้ลูกค้าของทั้ง2 บลจ. ยังสามารถถือครองผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและทำธุรกรรมได้ตามปกติโดยการรวมกันในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้าและภายใน5 ปีทีเอ็มบีจะดำเนินการขายหุ้นที่ถืออยู่ในบลจ.ใหม่ทั้งหมดให้กับพรูเด็นเชียลเน้นย้ำจุดยืนและกลยุทธ์การให้บริการด้านกองทุนรวมแบบOpen Architecture

 การขายหุ้นบลจ.ธนชาตออกไปนั้นจะช่วยสะท้อนค่าพรีเมียม(Premium) ที่แท้จริงที่ทีเอ็มบีต้องจ่ายในการเข้าซื้อหุ้นธนาคารธนชาตกล่าวคือในการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของธนาคารธนชาตทีเอ็มบีต้องระดมทุนโดยใช้เงินทุนราว130,000 ล้านบาทซึ่งเกิดจากมูลค่าทางบัญชีของธนาคารธนชาตภายหลังการปรับโครงสร้าง(ซึ่งมีบริษัทลูกคือ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด หรือ TBROKE และTFUND) 121,000 ล้านบาทบวกกับค่าพรีเมียม(ซึ่งรวมพรีเมียมจากบริษัทลูกทั้ง2 แห่ง) อีกประมาณ 9 พันล้านบาท ดังนั้นการขายหุ้น TFUND 75% ออกไปด้วยมูลค่าไม่ต่ำกว่า 6.3 พันล้านบาทก็จะเข้ามาชดเชยค่าพรีเมียมที่เคยจ่ายไปทำให้สุทธิแล้วค่าพรีเมียมแท้จริงที่ทีเอ็มบีต้องจ่ายจะมีมูลค่าต่ำกว่า 9 พันล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญซึ่งในจุดนี้ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ของของธนาคารที่ต้องการใช้เงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นธนาคารธนชาตในจำนวนที่เหมาะสมนายปิติกล่าว

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image