ดิจิ-เทรนด์ ฟอร์เวิร์ด : ‘ซัมซุง’สะบั้นผลิตมือถือในจีน
ย้อนไปเมื่อปี 2556 มือถือซัมซุงเคยป๊อปสุดสุดในจีน โดยเคยครองส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่า 15% แต่มาวันนี้ส่วนแบ่งการตลาดของซัมซุงที่นั่นเหลือ 1% เป็นการสูญเสียตลาดให้กับแบรนด์เจ้าถิ่นที่มาแรงทั้งหัวเว่ยและเสียวหมี่
ล่าสุด ซัมซุง แถลงเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ถึงการสิ้นสุดการผลิตมือถือกับโรงงานแห่งสุดท้ายในจีน เนื่องจากต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้นและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังขายมือถือในจีนต่อไป
เช่นเดียวกับโซนี่ ที่ปิดโรงงานสมาร์ทโฟนในปักกิ่ง และอาจเหลือโรงงานผลิตที่ประเทศไทยเท่านั้น ส่วนแอปเปิล ยังคงผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่จีนอยู่
แม้ตลาดจีนจะเป็นตลาดใหญ่มาก มียอดขายแต่ละปีประมาณ 400 ล้านเครื่อง แต่มันก็อิ่มตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายสมาร์ทโฟนลดลงในปี 2560-2561 ซึ่งสิ่งนี้เป็นแรงผลักให้แยกผู้บริโภคเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคุณภาพราคาสูงและกลุ่มที่เลือกของถูกที่สุดไปเลย
โดยคนในอุตสาหกรรมมองว่า ซัมซุงล้มเหลวที่จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในความต้องการของลูกค้า และไม่ได้สุดๆ ในทางใดทางหนึ่ง ลูกค้าไฮเอนด์ก็เลือกแอปเปิลหรือหัวเว่ย ลูกค้าชอบของถูกก็เลือกแบรนด์ท้องถิ่น จนทำให้ซัมซุงถูกทิ้งไว้ข้างหลังในจีน
ซัมซุง ได้ย้ายฐานการผลิตสมาร์ทโฟนไปที่เวียดนามในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันมีแรงงานในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 200,000 คน และประมาณครึ่งหนึ่งของสมาร์ทโฟนเกือบ 300 ล้านเครื่องที่ขายแต่ละปีผลิตที่โรงงานในฮานอย นอกจากนี้ยังมีโรงงานที่อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของโลก โดยซัมซุงวางให้เกาหลีใต้ทำมือถือระดับพรีเมียม อินเดียทำมือถือระดับกลาง และเวียดนามทำมือถือที่หลากหลาย
ซัมซุงคาดหวังสูงกับตลาดในอินเดีย แต่เมื่อปีที่ผ่านมาก็กำลังเผชิญหน้ากับเสียวหมี่ รวมทั้งมือถือในท้องถิ่นที่แข่งในเรื่องราคา เป็นสถานการณ์เดจาวูที่มาหลอกหลอนคล้ายกับที่เกิดในจีน
ความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดใหญ่ทั้งจีนและอินเดีย บั่นทอนความเป็นอันดับ 1 ของซัมซุงในตลาดโลกไปพอสมควร ทั้งส่วนแบ่งการตลาดและยอดขาย
โดยซัมซุงตั้งความหวังว่า กาแล็คซี่ รุ่นพับได้ จะมาช่วยปลุกความซบเซาของตลาดได้
นายมะดัน
