แบงก์ชาติอัด 3 มาตรการ ดูแลค่าเงินบาทใน 1-2 เดือนนี้ แนะรัฐเร่งลงทุน5G ดูแลนำเข้าส่งออกทองคำ ส่งเสริมลงทุนตปท. (ชมคลิป)

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. มีความกังวลค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างมากเตรียมออกมาตรการดูแลด้านการเคลื่ออนย้ายเงินทุน ได้แก่ 1.มาตรการส่งเสริมให้นักลงทุนสถาบันและรายย่อยไปลงทุนหลักทรัพย์ในต่างประเทศ ร่วมกับหน่วยงานกำกับอื่นๆ คาดว่าจะประกาศในช่วง1-2 เดือนนี้ 2.การดูแลเม็ดเงินจากการส่งออกและนำเข้าทองคำเพราะไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและทำให้บาทแข็งค่าในบางจังหวะ และ 3.มาตรการลดการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดผ่านการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ เช่น รัฐบาลควรเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น 5G สมาร์ทซิตี้ เพราะเป็นการลงทุนที่ต้องมีการนำเข้าจากตปท.สูง เอกชนต้องมีการลงทุนจำนวนมากเพื่อปรับตัว โดยจังหวะที่บาทแข็งค่าเป็นประโยชน์ต่อการนำเข้า ทั้งนี้มีผลดีเพราะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่เพื่อรองรับการเติบโตเศรษฐกิจในอนาคตได้

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าค่าเงินบาทวันที่ 10 ตุลาคมเปิดตลาดที่30.28 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากปิดสิ้นวันก่อนที่30.32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับปัจจุบันต่ำที่สุดของปีนี้และต่ำที่สุดในรอบ6 ปีกว่า ตั้งแต่ปี2556 โดยการแข่งค่าเงินบาทช่วงนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากเงินทุนไหลเข้าเพื่อเตรียมลงทุนในหุ้นส่วนที่สองเกิดเงินหยวนที่ไม่ได้อ่อนค่าลงอย่างที่ตลาดคาดไว้หลังจากกลับมาเปิดตลาดและราคาทองก็ปรับตัวขึ้นสวนทางกับเงินดออลาร์ทำให้มีแรงขายดอลลาร์ซื้อบาทกดตลาดลงมา

นายจิติพล กล่าวว่า ในระยะต่อไปยังคงมองเงินบาทแข็งค่าได้ต่อโดยประเมินเงินบาทสิ้นปี2562 ที่30.20 บาทต่อดอลลาร์ซึ่งจะเกิดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ลดดอกเบี้ยเร็วกว่าธปท. และทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐในอนาคตอาจลงไปต่ำกว่าดอกเบี้ยบาทนอกจากนี้เงินบาทก็เป็นสกุลเงินที่ผันผวนน้อยมีภาระหนี้ต่างประเทศน้อยและเกินดุลการบัญชีเดินสะพัดเสมอนักลงทุนจึงเลือกนำเงินเข้ามาพักเมื่อตลาดเกิดใหม่อื่นๆมีความผันผวนสูง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image