| ผู้เขียน | กระปุกหมู |
|---|
สถานการณ์ตลาดการเงินปีนี้ผันผวนมาตั้งแต่ต้นปี 2562 และคาดว่ายังผันผวนต่อไปในช่วงที่เหลือของปีนี้ การเลือกลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ จึงต้องระมัดระวัง มันนี่ทิปมีคำแนะนำจากธนาคารกรุงศรีอยุธยามาฝากกันค่ะ
การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือ ตราสารหนี้รัฐบาล ผู้ซื้อหรือนักลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ที่ได้รับการชำระหนี้และผลประโยชน์อื่นๆ เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล จากลูกหนี้คือรัฐบาลหรือหน่วยงานที่ออกพันธบัตรนั้นๆ ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ ได้รับคืนทั้งเงินต้นและได้รับผลตอบแทนตามสัญญากำหนด เช่น 3 ปี 5 ปี 7 ปี หรือ 10 ปี โดยสามารถไถ่ถอนได้เมื่อกำหนดสัญญา อาทิ พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ออกโดยรัฐบาลเพื่อระดมทุนไปใช้ในการบริหารประเทศ ลดการขาดดุลทางการเงิน ถือเป็นตราสารหนี้ระยะยาว ระยะเวลาไถ่ถอนมากกว่า 1 ปีขึ้นไป ได้รับอัตราดอกเบี้ย ปีละ 2 ครั้ง พันธบัตรออมทรัพย์ (Government Saving Bond) เป็นการซื้อพันธบัตรเพื่อออมทรัพย์โดยจะขายให้กับบุคคลทั่วไปและองค์กรไม่แสวงหากำไรในสังกัดของรัฐบาล ระยะเวลาไถ่ถอน 1 ปีขึ้นไป ได้รับอัตราดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง
พันธบัตรตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) ออกโดยกระทรวงการคลัง ความเสี่ยงจึงมีน้อยแต่ก็จะได้รับผลตอบแทนต่ำตามไปด้วย ตั๋วเงินคลังไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยแต่ใช้วิธีขายต่ำกว่าราคาหน้าตั๋วเพื่อให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน ระยะเวลาไถ่ถอน ไม่เกิน 1 ปี
และ พันธบัตรตั๋วสัญญาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Debt Restructure Bill) ออกโดยสถาบันการเงินเพื่อระดมทุนช่วยเหลือฟื้นฟูกองทุน และพัฒนาสถาบันการเงิน มีความเสี่ยงมากกว่าตั๋วเงินคลัง ให้ผลตอบแทนด้วยวิธีขายต่ำกว่าราคาหน้าตั๋ว แต่ไถ่ถอนคืนเต็มราคาเช่นกันระยะเวลาไถ่ถอน ภายใน 6 เดือน
สำหรับราคาจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลจะอยู่ที่หน่วยละ 1,000 บาท และกำหนดวงเงินซื้อขั้นต่ำไว้ที่ 1,000 บาท เท่ากับ 1 หน่วย ไม่จำกัดวงเงินซื้อสูงสุดและจำนวนครั้งที่ซื้อ โดยต้องซื้อเป็นหน่วยทวีคูณของ 1,000 บาท เช่น 2,000 บาท 10,000 บาท 100,000 บาท เป็นต้น สามารถซื้อผ่านธนาคารพาณิชย์ที่จัดจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาเพราะอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเป็นดอกเบี้ยตายตัว หากดอกเบี้ยปรับขึ้นจะไม่ได้ผลประโยชน์ เสี่ยงด้านสภาพคล่องเพราะต้องถือให้ครบตามสัญญาจึงจะได้เงินคืน อย่าลืมพิจารณาปัจจัยต่างๆ ก่อนการลงทุนนะคะ
กระปุกหมู
