เอดีบีหนุนกรีนบอนด์ ลงทุนบมจ.พลังงานบริสุทธิ์เกือบ 100 ล้านดอลล์ ตั้งเป้าลงทุนโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม 8 หมื่นล้านดอลล์ในปี 2573

โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน ในจังหวัดชัยภูมิ

นายคริสโตเฟอร์ ธีม รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการภาคเอกชน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยว่า เอดีบี ได้ลงทุนในหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อม (กรีนบอนด์) มูลค่า 3 พันล้านบาท หรือ 98.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ออกโดยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์  จำกัด (มหาชน) หรือ EA โดย EA จะนำเงินจากการระดมทุนดังกล่าวไปลงทุนในโครงการระยะยาว ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานในประเทศไทย มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงถึง 260 เมกะวัตต์ การลงทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพลังงานทดแทนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง  โดยแผนงาน EA สอดคล้องกับแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมและเป้าหมายการอนุรักษ์สภาพภูมิอากาศของประเทศไทย และยังสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของเอดีบี ปี 2573 ที่ตั้งเป้าหมายว่า 75% ของโครงการที่เอดีบีสนับสนุน จะเป็นการช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและช่วยในการปรับตัวเพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ เอดีบีตั้งเป้าหมายจะสนับสนุนโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ถึง 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2562-2573

“ประเทศไทยมีศักยภาพที่ดีสำหรับการส่งเสริมการลงทุนในตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากประเทศไทยมีแหล่งพลังงานทดแทนที่เหมาะสม การออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ฯ ในครั้งนี้ จะสนับสนุนการวิวัฒนาการของตลาดพันธบัตร ในขณะเดียวกัน เป็นการส่งเสริมการไปถึงเป้าหมายพลังงานสะอาดโดยการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมให้เติบโตขึ้นภายใต้แผนพัฒนาพลังงานของประเทศไทย” นายธีม กล่าว

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า ออกหุ้นกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับการลงทุนในพลังงานลมเป็นครั้งแรกของประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 1 หมื่นล้านบาท เพื่อการลงทุนในโครงการใหม่ หรือโครงการที่ดำเนินการอยู่ และอาจเป็นการลงทุนบางส่วน สามารถลดต้นทุนทางการเงิน และการลงทุนทั้งหมดของโครงการเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ คาดการณ์ว่าภายในปี 2579 ประเทศไทยจะมีการผลิตพลังงานทดแทนมากถึง 15 – 20% ของการผลิตพลังงานรวมทั้งหมด จากที่ปัจจุบันสามารถผลิตได้เพียง 10% เท่านั้น ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานของบริษัทในจังหวัดชัยภูมินับว่าเป็นฟาร์มกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในแต่ละปีได้มากถึง 200,000 ตัน ภายในปี 2563

“หลังจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมาน ซึ่งมีกำลังไฟฟ้า 260 เมกะวัตต์ ประสบความสำเร็จ เราได้ก้าวต่อไปอีกขั้นในการเป็นธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาสิทธิบัตรและนวัตกรรมในการผลิตพลังงานสะอาดและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ระบบการเก็บกักพลังงาน ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้า สถานีอัดมอร์เตอร์ไฟฟ้า เรือข้ามฟากที่ขับเคลื่อนด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้า นอกจากนั้น บริษัทฯ กำลังเตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มการค้าขายพลังงาน ซึ่งเป็นผลจากการศึกษา และการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของเราเอง” นายอมร กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image