‘พุทธิพงษ์’ รมต.ดีอีเอส ฟ้อง ปอท. เร่งหาตัวขบวนการป่วนชิมช้อปใช้ คาดรู้ผล 1 สัปดาห์ (ชมคลิป)

เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 15.00 น. ที่ธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ นานา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมด้วยนางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) และนายผยง ศรีวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมประชุมเพื่อดูแลแก้ไขปัญหาระบบลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้ที่ถูกผู้ไม่หวังดีก่อกวน ใช้เวลาประชุมราว 1 ชั่วโมง

นายพุทธิพงษ์เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้แจ้งความกับ ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ไม่หวังดีที่ได้ก่อกวนระบบการลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้โดยเร็วที่สุด ซึ่งตรวจสอบพบแล้วทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ ในส่วนช่องทางออนไลน์ ผู้ไม่หวังดีดังกล่าวที่ได้สร้างเว็บไซต์ปลอมขึ้นมา อาทิ  www.ชิมช้อปใช้.net  www.ชิมช้อปใช้ควิก.com เป็นต้น โดยระบุว่าเป็นทางลัดในการลงทะเบียนรับสิทธิในโครงการชิมช้อปใช้ และหลอกให้ประชาชนป้อนข้อมูลผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวเพื่อให้ได้รับสิทธิโครงการชิมช้อปใช้แทนที่จะลงทะเบียนผ่านรูปแบบปกติ คาดว่าจะมีการกระทำเป็นขบวนการหลายคน ไม่ได้ดำเนินการคนเดียว ด้านช่องทางออฟไลน์ พบว่ามีผู้กระทำความผิด 50-60 ราย ที่มีการรวบรวมข้อมูลของประชาชนเพื่อนำมาลงทะเบียนเพื่อให้ได้รับสิทธิและมีการหักหัวคิวไว้ส่วนหนึ่ง เช่น หัก 200 บาท จาก 1,000 บาท ที่จะได้รับ

“โครงการนี้ประชาชนให้ความสนจำนวนมากและอยากได้รับสิทธิทำให้เกิดการกระทำที่ไม่ถูกต้องเพื่อลัดคิวให้ได้สิทธิก่อน ยืนยันว่าระบบไม่ได้ถูกแฮก แต่มีการใช้เทคโนโลยีทันสมัยทำให้จากเดิมที่การลงทะเบียนจะเข้าสู่ระบบได้ 1 คน 1 ครั้ง แต่เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้สามารถเข้าระบบได้พร้อมกันหลายๆ ครั้ง จนทำให้ระบบลงทะเบียนเกิดความล่าช้า ซึ่งหากประชาชนลงทะเบียนผ่านช่องทางที่ไม่ถูกต้องแม้ว่าลงทะเบียนสำเร็จ แต่จะไม่ได้รับเอสเอ็มเอสยืนยันสิทธิ ถือว่าการลงทะเบียนเป็นโมฆะ หากอยากได้รับสิทธิต้องลงทะเบียนผ่านช่องทาง www.ชิมช้อปใช้.com เท่านั้น และขอเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อผู้ที่มาหลอกลวงช่วยลงทะเบียนให้” นายพุทธิพงษ์กล่าว

Advertisement

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวว่า ปอท. อยู่ระหว่างรวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด คาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ โดยเบื้องต้นจะมีความผิดตาม มาตรา 10 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายผยงกล่าวว่า ธนาคารได้มีการติดตามและตรวจสอบการลงทะเบียนอย่างใกล้ชิด และธนาคารให้ความสำคัญกับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชน โดยธนาคารมีการใช้ระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อตรวจจับความผิดปกติ ได้สกัดกั้นผู้ไม่หวังดีออกไปแล้วทำให้ระบบทำงานเป็นปกติ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image