นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา “จับทิศทางความเคลื่อนไหวเศรษฐกิจไทยจากครึ่งปีแรก” จัดโดยธนาคารกสิกรไทย ว่าตลาดการเงินไทยและค่าเงินบาท มีความผันผวนมากขึ้นตามตลาดการเงินโดยเฉพาะจากปัจจัยในต่างประเทศ ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 1 ครั้ง และช่วงปลายปีอีก 1 ครั้ง การลงประชามติของสหราชอาณาจักรว่าจะออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือไม่ ซึ่งจากโพลล่าสุดที่ออกมาว่าความเสี่ยงจะออกมีเพิ่มขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงว่าประเทศอื่นจะออกตาม แต่ธนาคารฯคาดว่าสหราชอาณาจักรน่าจะไม่ออกจากอียู เพราะอาจกระทบต่อความตกลงด้านเศรษฐกิจที่จะต้องมีการเจรจาใหม่ รวมทั้งการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของจีน ญี่ปุ่นและยุโรป ส่งผลให้ค่าบาทมีความผันผวนตามคาดการณ์ของตลาดการเงิน ซึ่งช่วงที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะเงินเยน สำหรับไทยมีเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตรช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 40,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีเงินไหลเข้าพันธบัตรแล้วราว 140,000 ล้านบาท ทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวที่ราว 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไตรมาสที่ 3 คาดว่าจะอ่อนค่าลงอยู่ที่ 36.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นปีอยู่ที่ 37.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
นายกิตติ เจริญกิจชัยชนะ ผู้บริหารกลุ่มงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาลูกค้าธนาคารมีการซื้อผลิตภัณฑ์ป้องกันความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา คาดว่าทั้งปีจะเพิ่มขึ้น 7% อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังมีความผันผวน ลูกค้าอาจจะมีการพิจารณาปรับลดหรือป้องกันความเสี่ยงเพิ่มได้ตามความเหมาะสม
