เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนค่าไปที่ระดับ 30.41 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อนที่ระดับ 30.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในคืนที่ผ่านมาตลาดกลับมาสดใสจากความคาดหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถยกเลิกกำแพงภาษีที่เคยตั้งกันใส่กันได้ในการเจรจารอบแรกขณะเดียวกันผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐก็รายงานออกมาดีกว่าคาดเป็นส่วนใหญ่
นายจิติพล กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 0.3% แตะระดับ 3085 จุดสูงสุดเป็นประวัติกาล ขณะเดียวกันบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีก็ปรับตัวขึ้น 8.7bps มาที่ระดับ 1.92% กดดันให้สินทรัพย์ปลอดภัยทั้งเงินเยนและทองคำอ่อนค่า 0.2% และ 1.5% ตามลำดับ นอกจากนี้ตลาดฝั่งอังกฤษก็ได้รับแรงหนุนจากภาพนโยบายการเงินผ่อนคลายแม้ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% แต่มีคณะกรรมการถึงสองท่านที่มองว่าควรลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจเพราะจะต้องพบกับภาวะความเสี่ยงเรื่องเลือกตั้งดัชนี FTSE100 จึงสามารถขึ้นมายืนในแดนบวกได้
นายจิติพล กล่าวว่า ส่วนฝั่งตลาดเงินภาพหลักเป็นการแข็งค่าของดอลล่าร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัยเนื่องจากแรงหนุนของดอกเบี้ย อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นดูจะหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์และออสเตรเลียไม่อ่อนค่า ขณะเดียวกันในฝั่งยุโรปเงินยูโรก็ไม่อ่อนค่าเช่นกันเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) เยอรมันอายุ10ปี ทยอยปรับตัวขึ้นตามมาพร้อมกับฝั่งสหรัฐ ส่วนของเงินบาทระยะสั้นยังคงมีแรงขายจากผู้ค้าเงินต่างชาติเพราะนโยบายการเงินผ่อนคลายมากขึ้น ขณะเดียวกันราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงด้วยจึงทำให้เงินบาทอ่อนค่า
“วันนี้ต้องจับตาไปที่สงครามการค้าและค่าเงินหยวนซึ่งอาจเป็นประเด็นที่กำหนดทิศทางของสกุลเงินเอเชียอื่นๆในอนาคตเพราะล่าสุดเมื่อสงครามการค้าคลี่คลายเงินหยวนก็ปรับตัวแข็งค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ น่าจะทำให้ภาพรวมสกุลเงินในฝั่งเอเชียไม่อ่อนค่าลงง่ายในช่วงนี้คาดกรอบเงินบาทวันนี้ 30.35-30.45 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพลกล่าว
