เฉลียงไอเดีย : ศราณี วิสุทธิผล คว้าโอกาสจากปัญหา จับใส่ธุรกิจ‘มิลค์พลัส แอนด์ มอร์’ : เกษมณี นันทรัตนพงศ์

เฉลียงไอเดีย : ศราณี วิสุทธิผล คว้าโอกาสจากปัญหา จับใส่ธุรกิจ‘มิลค์พลัส แอนด์ มอร์’ : เกษมณี นันทรัตนพงศ์

เฉลียงไอเดีย : ศราณี วิสุทธิผล คว้าโอกาสจากปัญหา จับใส่ธุรกิจ‘มิลค์พลัส แอนด์ มอร์’ : เกษมณี นันทรัตนพงศ์

หลังปี 2540 หลายธุรกิจไทยเจอพิษต้มยำกุ้ง พัง-ล้มกันเป็นโดมิโน่ จนเกิดประโยคยอดฮิต “พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส” แต่เธอคนนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนั้น เพียงแต่ประสบปัญหากับตัวเอง และพยายามแก้ปมปัญหาจนกลายมาเป็นธุรกิจที่ทำมานานย่างเข้าปีที่ 5 แล้ว

แนท หรือ ศราณี วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลค์พลัส แอนด์ มอร์ จำกัด คุณแม่ลูกสอง วัย 30 ปลายๆ เล่าให้ฟังว่าเริ่มจากพยายามแก้ปัญหาน้ำนมมีน้อย จึงพยายามหาสูตรว่าอะไรที่ช่วยเพิ่มน้ำนมก็ลงตัวที่เครื่องดื่มน้ำหัวปลี เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่าช่วยเรื่องการเพิ่มน้ำนม ประกอบกับชอบเรื่องสมุนไพรไทยเพราะคุณแม่เป็นเบาหวาน ต้องศึกษาหาข้อมูล

“คลอดลูกคนแรก ไม่มีความรู้เรื่องการกระตุ้นน้ำนม บวกกับลูกคลอดก่อนกำหนด ตัวเล็ก ดูดนมไม่เก่ง แม่ก็น้ำนมน้อย จึงเริ่มหาข้อมูล สูตรแรกที่ออกมาคือน้ำหัวปลีสกัดเข้มข้นผสมอินทผลัม ไม่ผสมน้ำตาล”

Advertisement

เมื่อท้องลูกคนที่สองก็ไม่มีปัญหาอีก จึงคิดอยากแชร์ประสบการณ์ให้กับแม่ๆ ที่มีปัญหาแบบเดียวกัน บวกกับเคยทำงานมาก่อนจึงตัดสินใจเปิดบริษัทกลับมาทำงานอีกครั้ง เริ่มต้นให้คนรอบข้างชิมสินค้าก่อนประมาณ 6 เดือนจนมั่นใจทำตลาดได้แน่ ก็เริ่มวางจำหน่าย

ช่วงเริ่มต้นลุยเดี่ยว ตั้งแต่คิดสูตร จ้างโรงงานผลิต ควบคุมทุกขั้นตอน ขายผ่านออนไลน์ช่องทางเดียวเพราะตอบโจทย์ตัวเรา กระทั่งสินค้าติดตลาดจึงมีทีมแอดมินเพจ จ้างคุณแม่ๆ คอยตอบปัญหาของแม่ๆ ได้ดีที่สุด”

Advertisement

แนทบอกว่า เธอไม่ใช่เจ้าแรก เป็นรายที่ 5 ที่อยู่ในตลาด ก่อนทำผลิตภัณฑ์ขายได้ชิมของทุกเจ้า รู้สึกว่ายังไม่ใช่ บางเจ้าใส่น้ำตาล ไม่ตอบโจทย์เรื่องสุขภาพ บางเจ้าใส่หญ้าหวาน ไม่ตอบโจทย์เรื่องรส และบางเจ้าสินค้าเก็บไม่ได้นาน จึงคิดค้นสูตรที่แก้จุดด้อยของแต่ละแบรนด์ ทั้งปรับรสชาติด้วยอินทผลัมนำเข้าจากอียิปต์ให้รสดีและไม่ทำร้ายสุขภาพ คิดค้นการยืดอายุของผลิตภัณฑ์อยู่ได้ถึง 1 ปี ส่วนการทำตลาด ใช้หลักมาร์เก็ตติ้งที่เรียนมา วิธีบอกต่อปากต่อปากดีที่สุด จากนั้นใช้ influencer marketing ผ่านกลุ่มดารา “ต้องขอบคุณ คุณเบนซ์-พรชิตา ช่วยโปรโมตสินค้าให้ฟรี หลังทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ ส่วนที่สินค้าวางจำหน่ายในห้างเซ็นทรัล ถือเป็นโชคดีและต้องขอบคุณสมาชิกตระกูลจิราธิวัฒน์ท่านหนึ่งที่ได้ชิมและชอบ ติดต่อให้นำสินค้าไปวางจำหน่าย ปัจจุบันยังมีจำหน่ายที่ไอคอนสยามด้วย”

หลายคนที่เริ่มทำธุรกิจมักเจอบททดสอบ แต่สำหรับแนทบอกว่าทำมา 4 ปีเพิ่งเจอเพราะมีคนเข้ามาทำธุรกิจมากขึ้นเท่าตัว อย่างแบรนด์ Luca’s Milk ถือว่าแข็งแกร่งมาก แต่ยังโชคดีได้ Shopee ช่วยสนับสนุนให้เป็น exclusive จำหน่ายเครื่องดื่มน้ำหัวปลีแบรนด์เดียวในช้อปปี้ออนไลน์ และยังได้ผลิตภัณฑ์ใหม่มาช่วยเสริมยอดขาย นั่นคือ อาหารเด็กชนิดผง แบรนด์ Twinkle Star

“มั่นใจว่าเป็นเจ้าแรกในไทยที่ใช้กรรมวิธีการผลิตด้วยระบบ freeze dry เพื่อคงคุณค่าของสารอาหารและรสชาติดั้งเดิม เพราะไม่ผ่านความร้อนในกระบวนการผลิต”

แนทให้เหตุผลที่เปิดสินค้าใหม่นอกจากแก้โจทย์รายได้ที่หายไป ยังต้องการวางตำแหน่งเป็นผู้ประกอบการอยู่เคียงข้างการเจริญเติบโตทุกช่วงวัยของเด็กตั้งแต่แรกเกิด จึงคิดต่อยอดหลังเด็กอายุ 6 เดือน หย่านมแม่แล้ว อาหารที่สำคัญของเด็กคือ “ตับไก่” และ “ไข่แดง” เพราะเด็กยังขาดธาตุเหล็ก เป็น pain point ของแม่ๆ ที่ลูกไม่กินตับ ไม่กินผัก จึงคิด 2 เมนูอาหารมื้อแรกของเด็กอ่อน คือ ตับไก่ และป๋วยเล้ง ใช้กรรมวิธี freeze dry คงคุณค่าทางอาหารเพราะไม่ผ่านความร้อนสูงเพื่อฆ่าเชื้อโรค วางตลาดล็อตแรกพร้อมกับเมนูอื่นๆ ได้แก่ เนื้อไก่ ฟักทอง กล้วยน้ำว้า และข้าวโพด เมื่อเมษายนที่ผ่านมา ขายเกลี้ยงภายใน 5 เดือน

โปรเจ็กต์ต่อไปวางจำหน่ายเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา คือเครื่องดื่มเด็ก “Twinkle Star” ก็ขายดีเช่นเคย เพราะตอบโจทย์ปัญหาลูกท้องผูก ซึ่งมีส่วนผสมหลักคือมะขาม แต่รสชาติต้องทำให้เด็กดื่มได้ และผสมโกจิเบอร์รี่เสริมเรื่องสายตา

อีกโปรเจ็กต์ที่คิดทำตลาดคิวต่อไป คือ “ขนมเด็ก” เป็นขนมขบเคี้ยวที่ชิ้นใหญ่ขึ้น หรือที่เรียกว่า “Finger Food” ตอบรับเด็กที่โตขึ้น เน้นวัตถุดิบจากธรรมชาติเช่นเดิม ซึ่งแน่นอนผลิตภัณฑ์ทั้งหมดต้องได้มาตรฐาน ผ่าน อย. และฮาลาลแล้ว แต่ได้รับคำแนะนำจาก อย.ให้ทำวิจัยผลิตภัณฑ์แต่ละตัว จึงร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลทำวิจัยให้ ส่งผลดีต่อสินค้าที่วางแผนว่าจะทำตลาดส่งออกต่อไป ได้ทดลองเปิดตลาดเอเชียแล้วที่ลาว สิงคโปร์ และล่าสุดคือมาเลเซียที่ติดต่อขอเป็น distributor (ผู้จัดจำหน่าย) ระยะเวลา 1 ปี และที่กำลังเจรจาเพื่อเปิดตลาดอีก 3 ประเทศ คือโอมาน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

“มิลค์พลัส แอนด์ มอร์” ไม่ได้หยุดแค่นี้ แนทบอกว่า กำลังหาข้อมูลตลาดกลุ่มผู้สูงวัย รองรับ Aging Society ในประเทศไทย เพราะผู้สูงวัยกินเหมือนเด็ก สามารถนำอาหารเด็กมาต่อยอดได้

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจของนักธุรกิจเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพ มองโอกาสในปัญหาปั้นให้เป็นธุรกิจ และไม่หยุดนิ่งที่จะต่อยอดไปเรื่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากคู่แข่ง

เกษมณี นันทรัตนพงศ์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image