นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทวันที่ 15 พฤศจิกายนเปิดเช้าวันนี้แข็งค่ามาที่ระดับ 30.18 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากช่วงปิดสิ้นวันก่อนที่ระดับ 30.21 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยช่วงคืนที่ผ่านมาตลาดการเงินอยู่กับข่าวเดิมๆ จึงไม่มีความเคลื่อนไหวมากนัก ดัชนีหุ้น S&P500 ฝั่งสหรัฐปรับตัวบวก 0.1% Euro Stoxx 50 ปรับตัวลง 0.3% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) สหรัฐและเยอรมันอายุ 10 ปีก็ปรับตัวลง5-6 bps หนุนให้ราคาทองฟื้นตัวขึ้น1.1% ทั้งนี้ความข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนดูจะไม่มีบทสรุปง่ายๆ ล่าสุด นายแจ็คหม่าผู้ก่อตั้งอาลีบาบากรุ๊ปออกมาแสดงความเห็นว่าความขัดแย้งของทั้งสองประเทศอาจยืดเยื้อต่อเนื่องไปอีก 20 ปี ขณะเดียวกันสภาสูงของสหรัฐก็กำลังร่างกฏหมายเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยในฮ่องกงซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้การตกลงการค้าในระยะสั้นเกิดขึ้นได้ยากตามไปด้วยนอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจก็ถือว่าไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยแม้การเติบโตของจีดีพีเยอรมันไตรมาสล่าสุดจะขยายตัวได้0.1% ส่งผลให้เศรษฐกิจเยอรมันสามารถผ่านพ้นภาวะเศรษฐกิจทดถอยทางเทคนิคไปได้แต่ข้ามมาฝั่งสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานใหม่ช่วงสัปดาห์ก่อนก็กลับเพิ่มขึ้น 2.25 หมื่นคนย้ำว่าเศรษฐกิจยังไม่ได้ฟื้นตัว
นายจิติพล กล่าวว่า ฝั่งเงินบาทระหว่างวันมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยโดยซื้อขายอยู่ที่ 30.21 – 30.24 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแต่ก็ทยอยปรับตัวลงในช่วงคืนที่ผ่านมาตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) สหรัฐซึ่งจุดที่ต้องระมัดระวังต่อไปคือทิศทางของทองคำซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการที่ผลตอบแทนตราสารหนี้ทั่วโลกปรับตัวลดลงมีความเป็นไปได้ที่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะหนุนให้สกุลเงินปลอดภัยอื่นๆและสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องปรับตัวขึ้นตามด้วยคาดกรอบเงินบาทวันนี้ 30.15 – 30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
