พณ.ออก3มาตรการขนานประกันรายได้ พยุงราคาหอมมะลิ โรงสียันไม่ได้กดราคาซื้อข้าวคุณภาพ (ชมคลิป)

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมหารือกับผู้ประกอบการค้าข้าว กลุ่มโรงสี ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธ.ก.ส.) กรมส่งเสริมสหกรณ์ สมาคมธนาคารไทย องค์การคลังสินค้า(อคส.) เพื่อประเมินสถานการณ์ราคาข้าวเปลือก ซึ่งมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในขณะนี้ นั้น จากการสอบถามข้อมูลจากกลุ่มโรงสีและผู้ค้าข้าว พบว่า ราคาข้าวที่อ่อนตัวลงเพราะขณะนี้ ผลผลิตข้าวนาปี 2562/63 โดยเฉพาะข้าวเปลือกหอมมะลิ กำลังทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก แต่จากการประเมินของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือฤดูกาลผลิตปี 2562/63 มีปริมาณลดลงจากเป้าหมาย เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง อุทกภัย และการระบาดของโรคไหม้คอรวงข้าว

นายวิชัย กล่าวว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมากในเดือนพฤศจิกายนนี้ คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร(คชก.)จึงเห็นชอบกรอบการใช้เงินงบประมาณปี 2563 รวม 4,289.86 ล้านบาท และกระทรวงการคลังได้อนุมัติแล้ว เพื่อเป็นมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2562/63 และเป็นมาตรการคู่ขนานกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2562/63 รอบที่ 1. วงเงิน 2,572.50 ล้านบาท

ได้แก่ 1. โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก โดยให้สินเชื่อเกษตรกรรายบุคคล และสถาบันเกษตรกร เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉาง เป้าหมาย 1 ล้านตัน ข้าวเปลือก โดยให้ค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บตันละ 1,500 บาท วงเงิน 1,500 ล้านบาทและชดเชยดอกเบี้ยให้เกษตรกรเป็นระยะเวลา 5 เดือน

  1. โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวม ข้าวโดยสถาบันเกษตรกร โดยสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร เพื่อรวบรวมข้าวเปลือก เพื่อจำหน่ายและเพื่อการแปรรูป โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระดอกเบี้ยในร้อยละ 3 ต่อปี รวมวงเงิน 562.5 ล้านบาท

3.โครงการชดเชย ดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก เป้าหมายให้ผู้ประกอบการค้าข้าว ที่เข้าร่วมโครงการฯ รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรแล้วเก็บระยะ 2 – 6 เดือน โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 รวมวงเงิน 510 ล้านบาท  เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562

Advertisement

“ สถานการณ์ราคาที่มีการปรับตัวอ่อนลงเล็กน้อยเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากคุณภาพข้าวที่เก็บเกี่ยวไม่ตตรงกับความต้องการ  และยืนยันข้อเท็จจริงปริมาณข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวที่มีปริมาณน้อยลงกว่าเป้าหมายการผลิต และการที่รัฐได้มีมาตรการดังกล่าวออกมาเชื่อว่าจะทำให้ราคามีเสถียรภาพมากขึ้น “

แหล่งข่าวจากกลุ่มโรงสีภาคอีสาน กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับกรมการค้าภายในว่า กลุ่มโรงสีและผู้ค้าข้าวได้ยืนยันว่าไม่ได้มีการหยุดรับซื้อและกดราคารับซื้อข้าวหอมมะลิจากชาวนา แต่ที่มีการชลอการรับซื้อเนื่องจากคุณภาพข้าวที่เก็บเกี่ยวนั้นคุณภาพไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เพราะเจอโรคไหมคอรวงข้าว ข้าวเปลือกในนาที่ความสุกไม่เท่ากันเก็บเกี่ยวก็จะมีทั้งสุกและยังเขียวราคารับซื้อจึงอ่อนตัวกระสอบละ 200 บาท และจากปัญหาสภาพคล่องโรงสีช่วงที่ผ่านมาทำให้กำลังซื้อลดลง 20%

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้แจ้งให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการทำมาตรการคู่ขนานกับประกันรายได้ เพื่อชะลอข้าวเปลือกออกสู่ตลาดในช่วงนี้ 1-2 ล้านตัน เพราะเดือนพฤศจิกายนมักมีการเก็บเกี่ยว60-70%ของกำลังผลิตที่มีปีนี้กระทรวงเกาตรและสหกรณ์ประเมินว่าได้ 8 ล้านตันข้าวเปลือก และจากปัญหาดังกล่าวทำให้ราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิตอนนี้อยู่ที่ 10500-11500 บาท แต่หากเป็นข้าวสุกดีคุณภาพดีจะได้ถึง 12000-14000 บาท

Advertisement

“ ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้ยังไม่อาจระบุได้ว่าจะดีเท่าปีก่อน เพราะตัวเลขที่รัฐเก็บนั้นสูงกว่าที่กลุ่มโรงสีสำรวจ โดยปีก่อนรัฐประเมินข้าวเปลือกหอมไว้ 8 ล้านตัน แต่พบว่ามีจริง 6.5 ล้านตัน จึงมีผลต่อราคาข้าวดี หากปีนี้รัฐยืนยัยว่าใกล้เคียงปีก่อนที่ 8 ล้านตัน แต่ความต้องการส่งออกไม่เกิน 2  ล้านตัน ก็ยอมมีผลต่อราคาในประเทศอ่อนตัวกว่าปีก่อน เทียบจากปีก่อนที่มีการใช้มาตรการชะลอข้าวออกสู่ตลาด พบว่าต่ำกว่าเป้าหมายและไม่ถึง 1 ล้านตัน สะท้อนว่าความต้องการสูงกว่าผลผลิต แต่หากปีนี้ชาวนาเก็บในยุ้งฉางและกู้ธกส.เพิ่มสะท้อนว่าปริมาณสูงกว่าปีก่อน ส่วนเรื่องประกันรายได้นั้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลพยามพยุงราคาไม่ได้ต่ำลงเพราะส่วนต่างชดเชยจะได้ไม่สุงมากจนเกินไป จนต้องออกมาตรการเสริมอีก” แหล่งข่าว กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image