| ผู้เขียน | ตุ้งแช่ |
|---|
“ดิจิทัลไอดี” สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล เพราะเอกลักษณ์เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน สำหรับการทำธุรกรรมของหลายภาคส่วน ที่มีการติดต่อสัมพันธ์กับผู้คน เช่น บริการทางการเงิน บริการสาธารณสุข เป็นต้น
การขาดการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่ดี ย่อมก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการสวมสิทธิและการปลอมตัวตน ส่งผลให้เกิดการฉ้อโกง คนขาดความเชื่อมั่น และธุรกรรมที่ทำขึ้นก็ขาดความน่าเชื่อถือ
จากผลการศึกษาพบว่า การมีดิจิทัลไอดีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เติบโตขึ้นถึง 3-13% (ในปี ค.ศ.2030) และ 65% ของมูลค่าจีดีพีที่เพิ่มขึ้นจากการมีดิจิทัลไอดี ที่มีคุณภาพนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง โดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่ ช่วยอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ทำให้เกิดธุรกรรมที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับภาคธุรกิจ เพิ่มช่องทางให้กับธุรกิจและการให้บริการทางดิจิทัลในรูปแบบใหม่ เช่น การรักษาโรคแบบทางไกล ด้านการแพทย์ รวมทั้งอีคอมเมิร์ซ
ที่สำคัญ คือ ช่วยให้ประหยัดเวลาที่ต้องเดินทางและยื่นเอกสารเกี่ยวกับการแสดงตัวตนต่อผู้ให้บริการที่ต้องดำเนินการซ้ำๆ ทุกครั้งที่ต้องการใช้บริการกับผู้ให้บริการรายใหม่ รวมถึงสนับสนุนรูปแบบการให้บริการภาครัฐแก่ประชาชนทั่วไป หรือรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การจัดให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งนอกอาณาจักรได้ เช่นที่เกิดขึ้นแล้วในประเทศเอสโตเนีย
นอกจากนั้น ดิจิทัลไอดียังช่วยขยายการเข้าถึงการให้บริการทางการเงินและบริการทางดิจิทัลอื่นๆ เช่น อินเดียที่มีประชากรจำนวนมาก (ประมาณ 1,300-1,400 ล้านคน) และมีดิจิทัลไอดี สำหรับประชาชน ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินได้สูงขึ้นจาก 35% ในปี ค.ศ.2011 เป็น 80% ในปี ค.ศ.2017
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันมีปริมาณการใช้งานบริการพร้อมเพย์ เฉลี่ยสูงถึงวันละ 8 ล้านรายการ จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกว่า 30 ล้านบัญชีที่ผูกด้วยเลขบัตรประชาชน
