นายถาวร แสงอำไพ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช กรมท่าอากาศยาน(ทย.) เปิดเผยถึงแผนพัฒนาท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งผู้รับเหมาปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสาร(เทอร์มินอล) ในส่วนของห้องผู้โดยสารขาออก ซึ่งขยายเพิ่มเติมอีก 800 ตารางเมตร(ตร.ม.) เนื่องจากปัจจุบันท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เริ่มแออัดแล้วในบางช่วงเวลา โดยปัจจุบันผู้โดยสารอยู่ที่ประมาณ 1.4 ล้านคนต่อปี ขณะที่ขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารอยู่ที่ 1.2 ล้านคนต่อปี ซึ่งที่ผ่านมาการปรับปรุงล่าช้ากว่าแผนเกือบ 1 ปี ความคืบหน้าอยู่ที่ประมาณ 26% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2563
นายถาวรกล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ แห่งที่ 2 ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช พื้นที่ประมาณ 30,600 ตรม. วงเงิน 1,800 ล้านบาท ได้ลงนามสัญญาการก่อสร้างกับบริษัทกิจการร่วมค้าดีดี เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งชนะประมูลด้วยราคา 1,458.77 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างแล้ว อยู่ระหว่างปรับพื้นที่ และเจาะดินทดสอบ โดยจะใช้เวลาการก่อสร้างหลังลงนามสัญญา 900 วัน หรือแล้วเสร็จประมาณเดือนมีนาคม 2565 จากนั้นจะทดสอบระบบ และเปิดให้บริการภายในปี 2565
นายถาวร กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ จะมี 3 ชั้น พร้อมทางเดินเชื่อมกับอาคารปัจจุบัน ซึ่งอาคารหลังนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้กับท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านคนต่อปี เป็น 1,600 คนต่อชั่วโมง หรือ 4 ล้านคนต่อปี ทั้งนี้ในส่วนของการออกแบบ นอกจากจะมีความสวยงาม และทันสมัยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ของท้องถิ่นด้วย โดยจะสื่อถึงความเป็นไทยที่ก้าวไกลสู่สากลในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) เป็นการนำสถาปัตยกรรมไทยของภาคใต้มาผสมผสานกับสถาปัตยกรรมที่มีความเป็นสากลในยุคใหม่
นายถาวร กล่าวอีกว่า ในสัญญาดังกล่าว ยังมีการปรับปรุงอาคารที่ประทับรับรองในอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน พื้นที่ใช้สอยราว 560 ตร.ม. รวมทั้งการก่อสร้างผังบริเวณที่เกี่ยวข้อง เช่น ทางลาดยกระดับเข้าสู่อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ศาลาริมน้ำด้านหน้าอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ งานภูมิสถาปัตยกรรม ถนนทางเข้า และที่จอดรถยนต์ พื้นที่ใช้สอบรวมประมาณ 1.22 แสน ตร.ม.ด้วย
รายงานข่าวจาก ทย.แจ้งว่า ในปีงบประมาณ 2563-2566 ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชยังมีแผนพัฒนาเพิ่มเติมอีก 4 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 3,905 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างจุดตรวจค้นรถยนต์ วงเงิน 15 ล้านบาท 2.จัดซื้อที่ดินและค่าชดเชยขยายทางวิ่ง วงเงิน 240 ล้านบาท 3.โครงการก่อสร้างเสริมผิวทางวิ่ง ทางขับและขยายลานจอดเครื่องบินวงเงิน 2,300 ล้านบาท และ 4.โครงการขยายความยาวทางวิ่งจาก 2,100 เมตร เป็น 2,500 เมตร วงเงิน 1,350 ล้านบาท
