น้ำมันดิบร่วงเหลือ46.21ดอลลาร์/บาร์เรล ทองคำพุ่ง บวกกว่า10เหรียญ

แฟ้มภาพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 มิ.ย.) ดาวโจนส์ปรับเพิ่มขึ้น หลังก่อนหน้านี้ลดลงติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังตลาดลดความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) นอกจากนี้มีรายงานว่าฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายคัดค้านอังกฤษแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้ประกาศระงับการรณรงค์ชั่วคราววานนี้ หลังจากโจ ค็อกซ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติสังกัดพรรคแรงงานของอังกฤษถูกยิงเสียชีวิต โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้แรงกดดันเกี่ยวกับประเด็น Brexit ผ่อนคลายลง

ทำให้หลังปิดตลาดดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดที่ระดับ 17,733.10 จุด บวก 92.93 จุด หรือ +0.53% ดัชนีแนสแดค ปิดที่ระดับ 4,844.92 จุด บวก 9.99 จุด หรือ +0.21% และดัชนี เอสแอนด์พี500 ปิดที่ระดับ 2,077.99 จุด บวก 6.49 จุด หรือ +0.31%

ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์กส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.80 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ไปปิดตลาดที่ระดับ 46.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค.ของปีนี้ หลังตลาดกังวลว่าหากอังกฤษแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit)อาจจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลต่ออุปสงค์ด้านพลังงานด้วย เช่นเดียวกับน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือนส.ค.ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 3.6% ไปปิดตลาดที่ระดับ 47.19 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนราคาทองคำที่ตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก(COMEX)ส่งมอบเดือนส.ค.ปรับเพิ่มขึ้น 10.10 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดตลาดที่ระดับ 1,298.40 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ทองคำทำสถิติปรับเพิ่มขึ้น 7 วันทำการแล้ว เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image