ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวรายงานผลการประชุมหอการค้าไทยครั้งที่ 37 ได้ยื่นสมุดปกขาวให้กับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นตัวแทนภาครัฐ ในการรับมอบก่อนที่จะนำไปเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบขอเสนอแนะจากภาคเอกชนต่อไป
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังคงเติบโต แต่การเติบโตชะลอตัวลง ซึ่งการที่ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) โต 2.4% ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้ ถือว่าไทยมีการปรับตัวอยู่ในระดับที่ดี ไม่ถดถอย ซึ่งการที่จีดีพีกลับมาเติบโต มาจากการสะสมผลงานของรัฐบาลเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว
ขณะที่ เศรษฐกิจโลกตกต่ำทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง โดยไอเอ็มเอฟปรับลดเศรษฐกิจโลกมา 4 ครั้งภายในปีเดียว เหลือ 3% ทำให้การค้าขายของโลกชะลอตัวลงหมด ที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกเติบโตเพราะเศรษฐกิจจีน เมื่อจีนตกทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตก มีแต่ประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่ยังเติบโตอยู่ประเทศหลักๆการค้าตกการนำเข้าของทุกประเทศก็หดตัว ซึ่งไทยพึ่งพาการส่งออก 60-70% ของจีดีพี ถ้าเศรษฐกิจโลกหดตัวไทยก็กระทบ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตลาดจีน ส่วนการที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องการว่างงาน แต่เมื่อดูตัวเลขกำลังแรงงานไทย 37 ล้านคน อัตราว่างงานสะสมมีอยู่ 3-4 แสนคน คิดเป็นสัดส่วน 1% น้อยที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
สำหรับเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ไม่เพียงแต่มาจากการส่งออกหรือค่าเงินบาทแข็งเท่านั้น ตั้งแต่ประกาศเลือกตั้งจนกว่าจะมีรัฐบาล มีตัวเลขการเบิกจ่ายราชการ-รัฐวิสาหกิจติดลบ 6-7 เดือน เมื่อมีรัฐบาลสถานการณ์จึงดีขึ้น แต่เหลือการเบิกจ่ายอีกกว่าแสนกว่าล้านบาท การลงทุกของเอกชน ณ ปัจจุบันก็อยู่ที่ 20% ของจีดีพี เรียกได้ว่าเป็นปัญหาขั้นพื้นฐานในโครงสร้างที่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ต้องประคับประคองเศรษฐกิจให้อยู่รอด ซึ่งในไตรมาส 4 ค่อนข้างมั่นใจว่าจะดีขึ้นเพราะมีสัญญาณโดยกระทรวงการคลังเริ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมารอบที่ 2 เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวในปลายปี
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนภาคธุรกิจ การเกิดโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เรียกได้ว่าเกิดการได้ประโยชน์ซึ่งกันและกัน ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีนยุคไหนแน่นแฟ้นเท่ายุคนี้ รวมถึงญี่ปุ่น เราขายคอนเซ็ปอีอีซี เพื่อให้เกิดการลงทุนและเกิดข้อตกลงร่วมกันระหว่างไทย-จีน, ไทย-ญี่ปุ่น ชูจุดเด่นการเป็นฮับของกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย (ซีแอลเอ็มวีที) และหวังขยายวอลุ่มทางการค้าให้เกิดการขยายฐานทางเศรษฐกิจอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวกล่าว่า เมื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง ว่ากังวลเกี่ยวกับสภาล่มครั้งที่ 3 หรือไม่นั้น นายสมคิด ตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ขอให้มองโลกในแง่ดีไว้”
