เอกชนชงรัฐบาล ให้ส่วนลดซื้อรถใหม่ กำจัดรถเก่าแก้ปัญหาฝุ่น-กระตุ้นศก.
เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย(สรยท.) จัดเสวนาวิชาการ หัวข้อ2020 ทิศทางยานยนต์ไทย คิด ทำ ปรับตัว ที่ห้องจูปิเตอร์ 4 ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี
นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์สามารถผลิตได้ถึงปีละ 2 ล้านคัน ส่วนปีนี้ยอดขายเดือนมกราคม-ตุลาคม 2562 มียอดขาย 838,968 คันส่วนเดือยพฤศจิกายน ยอดขาย ประมาณ 77,000 คัน รวม 11 เดือนยอดขายประมาณ 915,968 คันเดือนธันวาคมเป็นช่วงการขาย น่าจะขายได้กว่า 1 แสนคัน เพราะมีงานมอเตอร์เอ็กซโปด้วย ดังนั้นปีนี้น่าจะมียอดขายรวมกว่า 1 ล้านคัน ใกล้เคียงปีที่แล้ว และการผลิตรวมก็น่าจะได้กว่า 2 ล้านคัน ใกล้เคียงปีที่แล้ว
นายครรชิต กล่าวว่า สำหรับปีหน้าอุตสาหกรรมยานยนต์จะต้องระวังผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า สิ่งที่น่าห่วงคือ อาจเกิดการย้ายฐายการผลิต แต่ไม่อยากให้กลัวจนเกินไป แม้ว่าเมื่อเราเทียบกับค่าเงินเยนอาจแข่งไม่ได้ แต่เราก็ไม่สามารถรอให้รัฐบาลหรือแบงก์ชาติมาช่วยได้ รถโมเดลเปิดใหม่บางรุ่นอาจไปประเทศอื่นเช่น มาเลเซีย นอกจากนี้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน จะส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ยอดขายจะลดลง
นายครรชิต กล่าวว่า นอกจากนี้ผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกเรื่องคือฝุ่นพีเอ็ม 2.5 รัฐบาลมองมาที่รถเก่าที่มีประมาณ 19-20 ล้านคัน โดยเฉพาะรถที่ไม่ค่อยบำรุงรักษาเครื่องยนต์ มีปัญหาปล่อยควันพิษ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์จะโดนก่อน เพราะรัฐบาลจะประกาศบังคับมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปี 2564 และหลังจากนั้นอีก 1 ปี จะบังคับใช้มาตรฐานไอเสียยูโร 6 ขณะที่ในยุโรปมีเวลาปรับตัว 3-4 ปี เพื่ออัพเกรดมาตรฐานไอเสีย นอกจากนี้บริษัทน้ำมันยังออกมาบอกว่าจะปรับน้ำมันให้ใช้ในปี 2567 ดังนั้นการจะทำตามมาตรฐานไอเสียที่รัฐกำหนด แต่ยังใช้น้ำมันแบบเดิม จะเกิดผลกระทบกับเครื่องยนต์ทำงานหนักในการกำจัดไอเสียอาจเกิดการอุดตันได้ ดังนั้นการที่รัฐบาลกำหนดมาตรฐานไอเสียโดยไม่คำนึงถึงผู้ประกอบการ จะกระทบถึงต้นทุนการผลิตสูงขึ้นได้
นายครรชิต กล่าวว่า ขณะนี้มีประเทศสมาชิกอาเซียนเริ่มมีข้อกำหนดเงื่อนไขการนำเข้ารถจากประเทศไทยมากขึ้น เช่น เวียดนามกำหนดให้มีการตรวจสอบการปล่อยไอเสียใหม่แม้ว่ารถจากไทยมีกำหนดไว้หมดแล้ว และเวียดนามมีห้องแลปเพื่อทดสอบเพียงห้องเดียว ทำให้ต้องสต็อกรถไว้ที่ท่าเรือ ส่วนฟิลิปปินส์มีประเด็นเรื่องบุหรี่ มีการมองกันว่าเอาอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นตัวประกัน อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมยานยนต์จะช่วยกันพยายามผลักดันการแก้ไขในประเด็นนี้ต่อไป
นายครรชิต กล่าวว่า สำหรับรถในกลุ่มเอ็กซ์อีซี หรือ รถไฮบริด ปลั๊กอิน หรือ รถบีอีวีเริ่มต้นวางแผนมาอย่างดี พอถึงขั้นตอนการลงทุน กลายเป็นว่ามองเรื่องรายได้เป็นค่าใช้จ่าย ไม่ใช่เรื่องการลงทุน ทำไมบีโอไอไม่มองจุดนี้ เพราะต่างประเทศมองว่าเป็นการลงทุน ประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่แล้ว บีโอไอควรมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้ดึงดูดการลงทุนให้มากกว่านี้
นายครรชิต กล่าวว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอยากเสนอให้รัฐบาลกระตุ้นการบริโภคมากกว่านี้ อยากให้กำลังใจรัฐบาล อยากเสนอให้รัฐบาลพิจารณาว่า สำหรับรถเก่า เช่น รถบัส รถเมล์ รถปิกอัพเก่าๆควรปรับพรบ.รถยนต์ และพรบ.ขนส่ง ควรปรับการจัดเก็บภาษีป้ายวงกลมหรือไม่ ที่สำคัญรถยนต์อายุเกิน 7 ปีควรมีการตรวจสภาพอย่างจริงจัง หากคันไหนการปล่อยไอเสียเกินมาตรฐานควรมีการปรับเปลี่ยน หรือรถยนต์ที่มีอายุเกิน 10ปี ควรมีค่าธรรมเนียมพิเศษหรือไม่ เพราะต้องบำรุงรักษาเป็นพิเศษ เพืีอแก้ปัญหาฝุ่น นอกจากนีั้ควรให้เครดิตรถเก่าที่จะเอาไปทิ้ง หากจะเอาไปย่อยสลายทิ้ง กรมสรรพสามิตควรให้เครดิตหรือส่วนลดในการไปซื้อรถใหม่หรือไม่ ทางกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ร่วมหารือกับกรมสรรพสามิตเพื่อวางแผนการกระตุ้นตลาดรถใหม่โดยพิจารณากำจัดรถเก่าด้วย เป็นเกี่ยวข้องกับกฎหมายการกำจัดซากแบตเตอรี่ จะต้องมีการรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งรถเก่าและรถใหม่ รวมทั้งกระตุ้นตลาดรถไฮบริด ปลั๊กอิน และรถไฟฟ้า รวมทั้งรถที่ปล่อยไอเสียต่ำ ช่วยแก้ปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ควรกระตุ้นให้ลูกค้าทั้งส่วนบุคคลและองค์กรได้ใช้ หากเปลี่ยนจากรถเก่ามาใช้รถประเภทนี้ ควรให้แต้มลดภาษีลง ทางสอท.จะนำเสนอเรื่องนี้ต่อกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการคลังต่อไป
” นอกจากแก้ปัญหามลพิษแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย” นายครรชิตกล่าว