นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ ต้องติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังจากมีการประกาศกองทุนระยะยาวใหม่ หรือเอสเอสเอฟ เข้ามาทดแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่จะหมดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในสิ้นปี 2562 โดยกองทุนเอสเอสเอฟนี้ ก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อยแตกต่างกันไป ซึ่งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทย ก็คงเป็นส่วนของเม็ดเงินที่จะไหลเข้ามาซื้อหุ้นในกองทุนรวมน้อยลง เพราะเดิมแอลทีเอฟกำหนดเงื่อนไขให้ต้องลงทุนในประเทศไม่ต่ำกว่า 65% ของภาพรวม แต่กองทุนเอสเอสเอฟปรับเงื่อนไขใหม่ โดยไม่จำกัดรูปแบบหรือประเภทในการลงทุน สามารถลงทุนได้ทั้งในประเทศและนอกประเทศ ทำให้มีเม็ดเงินที่จะไหลเข้าตลาดทุนไทยอาจจะน้อยลง ส่วนปัจจัยด้านการเมือง ให้น้ำหนักไปที่เรื่องคะแนนเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาล ทำให้เมื่อต้องมีการลงมติพิจารณาเรื่องสำคัญใดๆ ก็จะต้องลุ้นกันว่า คะแนนเสียงจะออกมาชนะหรือไม่อย่างไร ซึ่งแม้การลงมติจะล่มไป 2 รอบ แต่ก็ถือว่ารัฐบาลยังสามารถบริหารจัดการให้ผ่านไปได้
นางสาววิลาสินีกล่าวว่า สำหรับปัจจัยต่างประเทศ หลักๆ เป็นเรื่องของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่สถานการณ์พลิกไปพลิกมาอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดภาพรวมออกมาเป็นบวก หลังจากตลาดเกิดความกังวลว่า การเจรจาการค้าของทั้ง 2 ประเทศ จะเกิดขึ้นได้หลักจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งสหรัฐและจีนได้เปิดเผยว่าขณะนี้ยังเดินหน้าเจรจาการค้าระหว่างกันอยู่ แต่ยังต้องจับตาในส่วนของการที่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน รอบวันที่ 15 ธันวาคมนี้หรือไม่ ซึ่งหากสหรัฐปรับขึ้นภาษีรอบใหม่จริง ก็จะทำให้การเจรจาการค้าเป็นไปได้ยากมากขึ้น
“ทิศทางเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ต้องบอกว่าที่ผ่านมา ในช่วงปลายปีจะเป็นธรรมเนียมที่ปริมาณการซื้อขายของต่างชาติจะเบาบางลง เพื่อเตรียมรับวันหยุดยาวในช่วงเทศกาล ทำให้คาดว่าระยะนี้ ทิศทางฟันด์โฟลว์จะเป็นการไหลออกมากกว่าไหลเข้า ส่วนกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนสำหรับนักลงทุนระยะสั้นแนะนำให้ชะลอการลงทุนไปก่อน หรือจะหันมาเลือกซื้อกองทุนแอลทีเอฟที่ให้สิทธิพิเศษหมดหย่อนภาษีเจ็ดปีเป็นปีสุดท้าย เพราะหลังจากนี้จะขยับขึ้นเป็น 10 ปี แล้วในกองทุนใหม่ ส่วนนักลงทุนระยะยาวแนะนำค่อยค่อยทยอยสะสมหุ้นต่อไป”นางสาววิลาสินีกล่าว
ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!
