คลุกวงหุ้น : ตลาดหุ้นซึมตัว รับหยุดยาวปลายปี (ชมคลิป)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า มองภาพรวมตลาดหุ้นยาวจนถึงสิ้นปี 2562 ประเมินว่าภาพจะไม่แตกต่างจากสัปดาห์ที่ผ่านมามากนัก เนื่องจากขณะนี้เตรียมเข้าสู่ช่วงหยุดวันยาวแล้ว รวมถึงต่างชาติก็น่าจะเริ่มเข้ามาซื้อขายน้อยลง ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงในช่วงท้ายปีนี้ โดยให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,540-1,600 จุด รวมถึงคาดว่าดัชนีหุ้นไทยน่าจะเคลื่อนไหวได้ไม่เกินระดับ 1,600 จุดแล้ว สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในประเทศ เป็นเรื่องการเมืองคือ การที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 ในการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งหากย้อนไปดูในกรณีของพรรคไทยรักษาชาติ ที่เคยถูกสั่งให้ยุบพรรคไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ใช้เวลารวมทั้งหมดตั้งแต่ช่วงกกต.ส่งเรื่องไปศาลจนถึงมีผลสรุปให้ยุบพรรค ใช้ระยะเวลาน้อยมากประมาณ 13 วันเท่านั้น ซึ่งการที่กกต.พึ่งส่งเรื่องไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ต้องมาติดตามว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคิวในการพิจารณาประเด็นต่างๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ทันทีหรือไม่ ซึ่งหากรู้ผลและพบว่ามีการยุบพรรคเกิดขึ้นจริงก็จะกลายเป็นแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นไทยได้

นายณัฐชาตกล่าวว่า ส่วนปัจจัยต่างประเทศ สืบเนื่องมาจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการอัพเกรดมุมมองเครดิตเรทติ้งของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเอสแอนด์พี ซึ่งประเมินว่าไม่ใช่ปัจจัยใหม่ เนื่องจากมูดี้ส์ได้มีการปรับแนวโน้มมาก่อนหน้านี้ จากระดับเสถียรภาพขึ้นมาเป็นเชิงบวก จึงคาดว่าจะมีผลกระทบในช่วงสั้นๆ โดยอาจจะเห็นเม็ดเงินต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าสู่ตลาดตราสารหนี้ และทำให้ค่าเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามเป็นเรื่องของการที่มูดี้ส์จะมีการอัพเกรดเครดิตเรทติ้งไทยเลยหรือไม่ จากครั้งที่ผ่านมาได้มีการปรับมุมมองไปแล้ว โดยหาก มีการปรับอันดับขึ้น ก็จะเป็นแรงสนับสนุนที่ทำให้เม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้าสู่ตลาดทุนไทยได้อีกครั้ง อีกปัจจัยเป็นเรื่องของค่าเงินบาท ที่ประเมินว่ามีโอกาสเคลื่อนไหวในโซนแข็งค่าได้ค่อนข้างมาก โดยหากมองในระยะยาว คาดว่าสงครามการค้าคงยังไม่สามารถจบลงได้ง่ายๆ ทำให้นักลงทุนต่างชาติน่าจะมองว่าเงินบาทยังเป็นเซฟเฮฟเว่นหรือแหล่งลงทุนที่มีความปลอดภัยสูง และที่สำคัญคือ การเข้าแทรกแซงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มจะมีข้อจำกัดมากขึ้น โดยการใช้นโยบายทางการเงินหรือการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อพยุงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เริ่มจะทำได้จำกัดมากขึ้น แถมยังมีการปรับมุมมองเครดิตเรทติ้งเป็นบวกเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะมีแรงกดดันค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวในโซนแข็งค่าได้ต่อไป โดยในปี 2563 มีโอกาสที่บางช่วงบางตอนค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวหลุดระดับ 30 บาทต่อเหรียญสหรัฐได้

“การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ได้ยืนยันว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบาย รวมถึงได้ยืนยันชัดเจนว่าในปี 2563 จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.5 – 1.75 ไปตลอดทั้งปี ซึ่งมองว่าเรื่องของการปรับลดดอกเบี้ยเฟด น่าจะมีความสำคัญกับตลาดหุ้นไทย รวมถึงตลาดหุ้นทั่วโลกได้น้อยลง หลังจากที่ปีนี้เฟดได้ลดดอกเบี้ยไปแล้ว 3 ครั้ง สำหรับกลยุทธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ ให้เลือกลงทุนในหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นที่มีปันผลสูง และได้ประโยชน์ในอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ”นายณัฐชาตกล่าว

ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image