ฟอร์ดคิดค้นวิธีทดสอบ ความทนทานกัดกร่อน

ฟอร์ดคิดค้นวิธีทดสอบ ความทนทานกัดกร่อน

ฟอร์ดคิดค้นวิธีทดสอบ ความทนทานกัดกร่อน

มร.สตีเฟน แอนดรูว์ส หัวหน้าฝ่ายทดสอบการกัดกร่อน ภูมิภาคเอเชียแฟซิฟิก ประจำศูนย์ทดสอบ YYPG ฟอร์ด เปิดเผยว่า ประเทศไทยขึ้นชื่อในเรื่องของชายหาดที่สวยงาม และภูมิอากาศเขตร้อนตลอดปีที่เป็นที่โปรดปรานของนักท่องเที่ยว ในอีกมุมที่เป็นสวรรค์บนดินอาจกลายเป็นปัญหาสำหรับผู้อยู่อาศัย เมื่อน้ำเค็มจากทะเลเจอกับอากาศร้อนชื้น จึงก่อให้เกิดการกัดกร่อน มีการวิจัยชี้ให้เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวสามารถทำให้ประเทศไทยเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี วัสดุต่างๆ ที่ดูทนทานอย่างเหล็ก พลาสติก หรือคอนกรีต ก็เกิดการกัดกร่อนได้ทั้งสิ้น โชคดีที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสามารถสร้างนวัตกรรมที่ช่วยปกป้องวัสดุภายนอกเหล่านี้รวมถึงแผ่นปิดใต้ท้องรถไม่ให้พื้นผิวถูกกัดกร่อนได้

แอนดรูว์สกล่าวว่า ถึงแม้จะอยู่อาศัยห่างจากพื้นที่ชายทะเลก็ไม่ได้หมายความว่าจะหลีกเลี่ยงการกัดกร่อนได้ ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ ก็ยังมีความชื้นและมลพิษที่รวมตัวกันก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าวกับวัสดุต่างๆ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ได้อยู่ดี การมีรถที่ทนทานต่อสภาพอากาศจึงเป็นสิ่งที่เจ้าของรถควรคำนึงถึงด้วยเช่นกัน หากฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ สี ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue) กลายเป็นสีฟ้าเรืองแสง คงน่าเสียดาย วิศวกรของฟอร์ดจึงคิดค้นวิธีทดสอบแบบสุดขั้วขึ้นมาเพื่อใช้ในศูนย์ทดสอบ ยู ยัง พรูฟวิ่ง กราวด์ (You Yang Proving Grounds-YYPG) ของฟอร์ดในออสเตรเลีย เรียกว่า การทดสอบความทนทานการกัดกร่อนทั้งคันรถ ใช้เวลา 12 สัปดาห์ติดต่อกัน ตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง

แอนดรูว์สกล่าวว่า ขั้นตอนแรกสุดคือการนำรถเข้าไปผ่านความชื้นในตู้อบชื้น ตู้ดังกล่าวสามารถจุรถได้ถึง 4 คันในครั้งเดียว และสามารถสร้างความชื้นได้เทียบเท่ากับห้องเซาน่า หลังจากผ่านการอบชื้นแล้ววิศวกรจะนำรถไปขับบนพื้นผิวหลากหลายทำให้รถสั่นสะเทือน และให้รถผ่านสสารต่างๆ ทั้งเกลือ ฝุ่น และกรวด โดยอุณหภูมิและความชื้นรอบด้านแปรผันในระดับสูงสุดและต่ำสุดสลับกันตลอดเวลา โดยระยะทางทั้งหมดของรถที่ใช้จากการทดสอบการกัดกร่อนนี้เทียบเท่ากับสภาพแวดล้อมที่รถถูกอากาศและสสารต่างๆ เสมือนการวิ่งบนชายฝั่งอันดามันเป็นเวลาราว 6 ปี ถ้าคุณคิดว่าเท่านี้คงจะทรมานรถมากเพียงพอแล้ว แต่วิศวกรยังแยกชิ้นส่วนรถตั้งแต่ภายนอกไปจนถึงช่วงล่างไปอีก เพื่อดูว่ารถมีภูมิคุ้มกันการกัดกร่อนมากแค่ไหน ขั้นตอนนี้ยังทำให้มั่นใจได้ว่าทุกชิ้นส่วนผ่านการประเมินในทุกด้านทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ประสิทธิภาพและการใช้งาน การวิเคราะห์จนทราบได้ว่าช่วงใดและชิ้นส่วนใดของรถยนต์ได้รับผลกระทบบ้าง ทำให้วิศวกรของฟอร์ดสามารถหาทางป้องกันที่ดีขึ้นจากผลกระทบจากสภาพแวดล้อมในระยะยาว

Advertisement

“เป้าหมายของการทดสอบสุดทรหดที่แสนยาวนานนี้ก็เพื่อหาจุดอ่อนของรถ ก่อนที่รถจะถึงมือลูกค้า หากมีวัสดุใด หรือช่วงใดที่เป็นจุดอ่อนถูกกัดกร่อน เราจะสามารถเคลื่อนย้ายหรือสับเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่เริ่มกร่อน หรือทั้งแผ่นบอบบางลงจากการผ่านสภาพอากาศและสสารต่างๆ อย่างหนักหน่วง” แอนดรูว์สกล่าว และว่า อย่างไรก็ดี การดูแลรถของลูกค้าไม่ให้มีสภาพถูกกัดกร่อนนั้นไม่ได้หยุดแค่ที่การทดสอบในโรงงานเอฟทีเอ็มที่ระยอง รถทุกคันที่ผลิตขึ้นจะผ่านการอาบสารป้องกันการกัดกร่อนก่อนที่จะพ่นสีเพื่อเพิ่มการป้องกันผลจากการกัดกร่อนมากขึ้นอีกขั้น ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะขับฟอร์ด เรนเจอร์ หรือฟอร์ด เอเวอเรสต์ คุณจึงสามารถมั่นใจได้ตั้งแต่ขับออกจากโชว์รูมเลยว่า รถของคุณจะมีความทนทาน พร้อมเผชิญทุกสภาวะสุดโหดในการขับขี่บนโลกใบนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image