นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยในรายการคลุกวงหุ้นว่า ภาพรวมตลาดหุ้นประจำสัปดาห์นี้ อยู่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายปลายปี 2562 ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางลงกว่าในช่วงที่ผ่านมา โดยในส่วนของนักลงทุนสถาบันจากต่างชาติ ได้ทยอยปิดการซื้อขายลง เพื่อเตรียมเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวและเทศกาล สำหรับในประเทศก็เป็นภาพของการสลับบวกเมื่อมีปัจจัยดีเข้ามา และสลับลบเมื่อเจอกระแสปัจจัยเสี่ยง ดัชนีหุ้นไทยจึงเคลื่อนไหวในลักษณะเด้งตัวขึ้นได้บ้าง และมีการขายทำกำไรออกมาด้วย โดยการลงทุนในขณะนี้ มองว่าเป็นการเล่นในรูปแบบทยอยเก็บสะสม หรือรีบซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ก่อนที่จะหมดอายุในปลายปี 2562 ซึ่งเป็นการถือยาว 7 ปี ก่อนจะปรับเกณฑ์การถือครองเป็น 10 ปี ในปี 2563
นางสาววิลาสินีกล่าวว่า สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม มี 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.สงครามการค้า ที่ล่าสุดมีมุมมองดีขึ้น เนื่องจากสหรัฐและจีน สามารถบรรลุข้อตกลงในเฟส 1 ได้ ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงกันอีกครั้งในช่วงต้นปี 2563 2.การที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ลงมติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใน 2 ข้อหาคือ 1.การใช้อำนาจในทางมิชอบ 2.ขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส โดยในชั้นแรกมีมติข้างมากที่จะถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐ ใน 2 ข้อหา ขั้นตอนถัดไปจะต้องเข้าสู่การพิจารณาในชั้นของวุฒิสภาช่วงเดือนมกราคม 2563
“ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม เป็นเรื่องของความกังวลปัจจัยการเมืองในประเทศ ที่กลับมาเกิดความกังวลในเรื่องการขาดความมีเสถียรภาพอีกครั้ง จึงต้องลุ้นกันอีกครั้ง อาทิ ในช่วงต้นปี 2563 ต้องลุ้นว่าจะมีการอภิปลายไม่ไว้วางใจอย่างไร รวมถึงการลงถนนชุมนุมแฟลชม็อบจะยืดเยื้อต่อไปหรือไม่ สำหรับกลยุธ์ที่แนะนำในการลงทุนคือ สำหรับนักลงทุนระยะสั้นให้ถือเงินสด แต่นักลงทุนระยะยาวให้ทยอยลงทุนสะสมในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีต่อไป”นางสาววิลาสินีกล่าว
ส่วนหุ้นเด่นจะเป็นตัวไหน ต้องติดตามในรายการคลุกวงหุ้น!
