เมื่อวันที่ 6 มกราคม นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดเช้านี้แข็งค่าที่ระดับ 30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ 30.10-30.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดการเงินตอบรับความเสี่ยงการเมืองระหว่างประเทศในตะวันออกกลางอย่างรุนแรง ตลาดทุนเข้าสู่ภาวะปิดรับความเสี่ยง(Risk off) ไม่ว่าจะเป็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร(บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ10ปีที่ปรับตัวลง9bps มาที่ระดับ1.77% หรือดัชนีS&P500 ที่ปิดร่วงถึง0.71% โดยปัญหาการเมืองระหว่างประเทศยังส่งผลต่อทิศทางการลงทุนอื่นๆที่หลายหลายเช่นดัชนีหุ้นยุโรปอย่างEuro Stoxx 50 ที่ปรับตัวลง0.52% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบWTI และราคาทองคำปรับตัวขึ้น1.25% และ1.12% ตามลำดับ
นายจิติพล กล่าวว่า สำหรับวันนี้อาจเห็นตลาดฝั่งเอเชียที่จะเปิดตัวในด้านลบพร้อมกับปริมาณความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และราคานำ้มันที่สูงขึ้นยังคงเป็นปัจจัยบวกกับพื้นฐานของประเทศตลาดเกิดใหม่(Emerging Markets) เช่นกันจึงเชื่อว่าตลาดน่าจะอยู่ในภาวะเลือกซื้อ(Selective buy) ในสัปดาห์นี้ สำหรับจุดที่ต้องจับตาเพิ่มเติมคือตัวเลขเศรษฐกิจเพราะท้ายสัปดาห์ก่อนมีการรายการตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตในสหรัฐ(ISM Manufacturing PMI) ออกมาแย่กว่าคาดที่ระดับ47.2จุดขณะที่ในสัปดาห์นี้จะมีการรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อนอกภาคการผลิตในคืนวันอังคาร และตัวเลขตลาดแรงงานในคืนวันศุกร์ซึ่งถ้าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวด้วยก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเห็นนักลงทุนทยอยขายเงินดอลลาร์สหรัฐและสินทรัพย์ฝั่งสหรัฐอีกครั้ง
“ส่วนของเงินบาทในระยะสั้นเชื่อว่ามีแนวรับจิตวิทยาที่30.10-15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นระดับต่ำสุดและเป็นระดับปิดสิ้นปี2562 ที่ผ่านมาอย่างไรก็ดีวันนี้ต้องจับตาทิศทางของค่าเงินEmerging Markets ไปพร้อมกันเพราะส่วนใหญ่มักเห็นการอ่อนค่าของสกุลเงินเอเชียในภาวะRisk Off และถ้าสกุลเงินเพื่อนบ้านถูกขายก็เชื่อว่าจะมีความพยายามขายเงินบาทและสินทรัพย์เสี่ยงในไทยตามมาด้วยเช่นกันคาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 30.00-30.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ” นายจิติพลกล่าว
