“แน่นอนว่ารัฐบาลจะพยายามช่วยเหลือและฟื้นฟูกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ประสบปัญหาอย่างดีที่สุด ควบคู่ไปกับการพัฒนากลุ่มอาชีพต่างๆ รวมถึงการจัดสวัสดิการให้กับประชาชนคนไทยทั่วทั้งประเทศด้วยเช่น โดยผมขอนำเสนอความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวดังนี้” นายอุตตมกล่าว
นายอุตตมกล่าวว่า เรื่องแรก กรมบัญชีกลางเตรียมจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินผู้พิการเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิโดยตรง ของ อปท. ทั่วประเทศ จำนวน 7,774 แห่ง โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.63 เป็นต้นไปโดยปัจจุบันมีผู้สูงอายุที่มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจำนวน 8.51 ล้านคน โดยคิดเป็นจำนวนเงิน 5,602 ล้านบาท และผู้พิการจำนวน 1.84 ล้านคน คิดเป็นจำนวนเงิน 1,475 ล้านบาท
นายอุตตมกล่าวว่า อีกเรื่องคือ การพักชำระหนี้ให้กับกองทุนหมู่บ้านฯ โดยจากการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการพักชำระหนี้ในกับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ด้วยความสมัครใจเป็นระยะเวลา 1 ปีด้วยกัน ซึ่งจะพักชำระเงินต้น และให้จ่ายเฉพาะดอกเบี้ย เพื่อกองทุนฯจะได้นำดอกเบี้ยที่ได้รับมาจัดสรรโครงการที่เป็นประโยชน์ให้กับสมาชิกต่อไป สำหรับคุณสมบัติของสมาชิกที่จะเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ จะต้องเป็นสมาชิกของกองทุนฯ และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี หรือขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านนั้นๆ โดยสมาชิกจะต้องจัดทำแผนโครงการในการพัฒนาอาชีพ และฟื้นฟูศักยภาพของตนเองมาด้วย ซึ่งแผนดังกล่าวให้เขียนตามความต้องการของสมาชิก และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านฯจะเป็นคนพิจารณา
นายอุตตมกล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังได้อนุมัติ โครงการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ตามแนวทางประชารัฐ วงเงิน 14,000 ล้านบบาท โดยให้กองทุนหมู่บ้านฯ แต่ละแห่ง เสนอโครงการลงทุนภายในชุมชนในจำนวนเงิน 2 แสนบาทต่อกองทุน เพื่อเพิ่มความเข้มแข็ง อาทิ การจัดทำร้านค้าชุมชน แหล่งท่องเที่ยวชุมชน โรงเพาะกล้า อ่างเก็บน้ำ ระบบสูบน้ำ ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ เพื่อนำเสนอโครงการต่ออนุกรรมการกลั่นกรอง หากชุมชนใดมีความพร้อมจะได้อนุมัติเงินออกสู่ระบบในเดือนมกราคมนี้เป็นระยะที่ 1 เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินออกลงไปยังพื้นที่ชุมชนทั่วประเทศภายในปี 2563
นายอุตตมกล่าวว่า เรื่องสุดท้าย วันนี้เป็นวันแรกของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 ซึ่งผมในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ได้นำเสนอข้อมูลมติการปรับลดจำนวน 16,231 ล้านบาท จากวงเงินทั้งหมด 3,200,000 ล้านบาท โดยการปรับลดนั้นได้พิจารณาจากแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2562 ทั้งรายการที่มีเป้าหมายการดำเนินงานที่ไม่ชัดเจน หรือให้ปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินงานให้เกิดความประหยัดมากขึ้น เช่น การประชุมสัมมนา การจ้างเหมาบริการ การประชาสัมพันธ์ การเดินทางไปราชการต่างประเทศ เป็นต้น
นายอุตตมกล่าวว่า โดยรวมถึงโครงการที่สามารถใช้งบจากแหล่งอื่น ทั้งเงินนอกงบประมาณ หรืองบประมาณที่สามารถจัดเก็บเองได้ และเงินทุนหมุนเวียน และขอย้ำอีกครั้งว่า การพิจารณางบประมาณประจำปี 63 นั้น เงินทุกบาทที่ได้รับการจัดสรรจะต้องนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง