นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.หรือ บอร์ดอีอีซี) เปิดเผยว่า วันที่ 22 มกราคม จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) โดยมีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งจะมีการติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานในพื้นที่อีอีซี โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ขณะนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำตัดสินออกมาแล้ว คาดได้เอกชนร่วมลงทุนและมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนในช่วงไตรมาสแรก 2563 นี้ เช่นเดียวกับ โครงการท่าเรือแหลมฉะบังระยะที่ 3 ที่คาดได้เอกชนภายในช่วงไตรมาสแรกนี้ ส่วนโครงการซ่อมบำรุงท่าอากาศยาน อยู่ระหว่างการส่งเรื่องเข้าคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) ก่อนที่จะมีการจัดตั้งบริษัทลูก คาดลงนามสัญญาร่วมทุนในไตรมาสที่สอง ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คาดว่ากลุ่มซีพีจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงปลายปีนี้ ส่วนโครงการท่าเรือมาบตาพุต กลุ่มกัลฟ์และ ปตท.อยู่ระหว่างการดำเนินการ
นายคณิศ กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินงานปี 2563 ของอีอีซี นอกจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จะเน้นเรื่องการขยายการลงทุนสู่พื้นที่และชุมชน เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนในพื้นที่อีอีซี เช่น การขยายท่องเที่ยวพื้นที่รอง และสร้างโครงการท่องเที่ยวระดับชุมชน เชื่อมโยงทรัพยากรในพื้นที่สร้างรายได้ชุมชน ปีละ 1.2 แสนล้านบาทภายใน 3 ปี เช่น ท่องเที่ยวเชิงเกษตร บ้านตะพง จ.ระยอง ท่องเที่ยววัฒนธรรม ทางน้ำ จ.ฉะเชิงเทรา ท่องเที่ยวสุขภาพ นันทนาการ จ.ชลบุรี ส่งเสริมเชื่อมุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) สู่ตลาดโลก ให้เอสเอ็มอีไทยเป็นผู้จัดหาสินค้าและบริการหรือซัพพลายเออร์ให้นักลงทุนเทคโนโลยีเป้าหมาย รวมทั้งจัดพื้นที่เฉพาะ ให้สิทธิประโยชน์ที่เหมาะสม พร้อมส่งเสริมไปตลาดโลกด้วยอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้ จะผลักดันโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (อีเอฟซี) ร่วมกับอบจ.ระยอง ยกระดับเป็นโครงการหลัก ให้เกิดการลงทุนปี 2563 นี้ โดยเตรียมพื้นที่ 23 ไร่ รองรับที่ ต.มาบข่า จ.ระยอง
