‘เอสซีจี’ เล็งยกเครื่องธุรกิจ ควบคู่การพัฒาคน รับมือความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มกราคม 2563 ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ รางน้ำ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท​ ปูนซิเมนต์​ไทย จำกัด (มหาชน)​ หรือเอสซีจี กล่าวในงานสัมมนา 2020 ปีแห่งการลงทุน : ทางออกประเทศไทย ที่จัดโดยเครือมติชน ภายใต้หัวข้อ ลงทุนไทย 2020 สู่บริบทใหม่ว่า ในปีที่ 2562 เป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงและผันผวน อาทิ เรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ, สถานการตึงเครียดในแถบตะวันออกกลาง และเงินบาทแข็งค่า เป็นต้น ซึ่งจากปัญหาดังกล่าว ทำให้เอสซีจีมีการวางแผนการลงทุนในปี 2563-2564 และเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีมากขึ้น

สำหรับการเติบโตด้านการลงทุนในปี 2563 เอสซีจียังคงเดินหน้าบุกตลาดอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะเน้นเจาะตลาดใหญ่ 2 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบสูงในหลายด้าน รวมไปถึงสินค้าปูนซีเมนต์ ทั้งนี้ เอสซีจี จะมีการสร้างมิติใหม่ด้านการลงทุนเพื่อยกเครื่องธุรกิจ จากการผลิตสินค้า เป็นธุรกิจสินค้าและการบริการ ควบคู่ไปกับการพัฒนาบุคคลากร ให้ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีได้อย่างเท่าทัน

“ในปีนี้เป็นอีกปีที่เอสซีจี ต้องมีการปรับตัวด้านธุรกิจตามความเปลี่ยนแปลงของโลก ที่มีการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมากใช้มากขึ้น ซึ่งเอสซีจี ก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนแล้ว อาทิ การทำงานผ่านระบบเอ็กซเรย์บ้านว่ามีจุดไหนที่ต้องแก้ไขหรือไม่ และสามารถสแกนความทนทานของโครงสร้างได้ เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาแพ็คเก็จจิ้งของสินค้าให้มีความทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอีกด้วย”นายรุ่งโรจน์กล่าว

นอกจากนี้ในเรื่องของปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ เป็นหนึ่งปัญหาที่กระทบต่อภาคการผลิต และขยายวงกว้างไปถึงภาคการลงทุนและการท่องเที่ยว มองว่ารัฐบาลควรให้ความสำคัญในการลงทุนเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้มากขึ้น เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝน และป้องกันภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า

Advertisement

“ปีนี้หลายฝ่ายรวมถึงประชาชนทำใจไว้แล้วว่า รัฐบาลแก้ไขปัญหาภัยแล้งไม่ทันแน่นอน แต่ภาครัฐได้มีการจัดเตรียมมาตรการช่วยเหลือในระยะสั้นไว้แล้ว ซึ่งในฐานะภาคเอกชนมองว่า ควรมีการขุด-เจาะบ่อน้ำ เพื่อเตรียมรองรับน้ำไว้ตั้งแต่ตอนนี้จะเป็นวิธีที่ดีกว่าการแจกเงิน เพราะทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยในการผลิตที่สำคัญ มีผลกับการวางแผนกับการลงทุนในระยะยาว เอกชนพร้อมลงทุน แต่รัฐบาลต้องบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม”นายรุ่งโรจน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image