KTAM มั่นใจตลาดลงทุนปีนี้ยังดี คาดบริหารพอร์ตโตเพิ่มแสนล้าน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า มูลค่าทรัพย์สินมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ยังมีการเติบโตดีต่อเนื่อง โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเอยูเอ็ม เติบโต 12% หรือเพิ่มขึ้น 100,000 ล้านบาท จากปี 2562 ที่เอยูเอ็มรวมสุทธิที่ 827,3131 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ในลำดับที่ 4 โดยแรงหนุนที่ทำให้เอยูเอ็มเติบโตจากแนวโน้มอุตสาหกรรมด้านการลงทุนในปี 2563 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากแม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกจะชะลอตัว มีความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ปะทุขึ้นใหม่ ต้องติดตามการเลือกตั้งสหรัฐที่จะเกิดขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงบางประการเริ่มคลี่คลายมากขึ้น ทั้งสงครามการค้า เบร็กซิท ขณะที่ธนาคารกลางต่างๆ ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายและมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงซึ่งส่งผลต่ออัตราผลตอบแทนการลงทุนในตลาดพันธบัตรแต่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นยังดีจากผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ยังให้ผลตอบแทนดีอยู่ เช่น จีน เป็นต้น

ชวินดา หาญรัตนกูล

นางชวินดา กล่าวว่า สำหรับอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 2.8% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.4% โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ออกมาบังคับใช้ การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการในเขตพัฒนาพืเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) รวมถึงภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ บริษัทประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,700 จุด โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนจะขยายตัว 6% ทั้งนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 1.25%

นางชวินดา กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกนี้ บริษัทมีแผนเปิดจำหน่ายกองทุนควบประกันสุขภาพ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยังมีแผนเปิดจำหน่ายกองทุนอื่นๆ โดยบริษัทจะพิจารณาความเหมาะสมและจังหวะในการเปิดจำหน่าย ด้านการจัดพอร์ตการลงทุน ผู้ลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในหลายสินทรัพย์และหลายภูมิภาค เนื่องจากตลาดการเงินมีความผันผวนมากขึ้น การจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยในช่วงต้นปี บริษัทมองว่า สินทรัพย์เสี่ยงน่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ หลังนักลงทุนคลายกังวลการเกิดภาวะถดถอย ขณะเดียวกัน ให้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยอาจเน้นการลงทุนมาในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ที่น่าจะเห็นการฟื้นตัวชัดกว่า และมูลค่สสินทรัพย์ยังไม่แพงมากมากนัก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐที่ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ในระยะต่อไปนักลงทุนอาจต้องระวังแรงขายทำกำไร และปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่อาจพัฒนากลายเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในอนาคต

“การลงทุนต้องมีการกระจายความเสี่ยง ทั้งการลงทุนในตลาดไทยและตลาดโลก ซึ่งบริษัทมองว่าตลาดไทยและตลาดโลกเป็นตลาดเดียวกัน และตลาดไทยคือหนึ่งในโปรดักส์ที่สามารถเลือกลงทุนได้ เช่นเดียวกับการลงทุนในประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่จะลงทุน” นางชวินดา กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image