นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL เปิดเผยว่า สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของธนาคารปีนี้จะยังเติบโตต่อเนื่อง คาดยอดสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 3-4% จากปีที่ผ่านมาที่มากกว่า 6 แสนล้านบาท โดยธุรกิจเอสเอ็มอีที่ยังเติบโตได้ดี คือ กลุ่มธุรกิจบริการและอาหาร รวมทั้งธุรกิจค้าขายออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ หรือขายผ่านเฟซบุ๊ก ไลน์ ซึ่งเอสเอ็มอีต้องมีการปรับตัวไปตามพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์มากขึ้นช่วยทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยพบว่าความต้องการสินเชื่อส่วนใหญ่ยังเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ส่วนสินเชื่อเพื่อการลงทุนใหม่ยังไม่มากนัก และเริ่มเห็นการเข้ามาขอสินเชื่อเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย รวมทั้งมีการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนธุรกิจได้
“ภาวะเศรษฐกิจโลกปีนี้แนวโน้มชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยและธุรกิจเอสเอ็มอี แต่ปีนี้ภาครัฐให้ความสำคัญกับธุรกิจเอสเอ็มอีเป็นอย่างมาก มีการออกมาตรการต่างๆ มาช่วยเหลือทั้งด้านเงินทุน สภาพคล่องและการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอียังเดินหน้าต่อไปได้ แต่ปกติเอสเอ็มอีก็มีเกิด มีตาย เป็นปกติ เอสเอ็มอีจะอยู่ได้ต้องเปลี่ยนวิธีคิดและต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล ขณะนี้ถือว่ามีแนวโน้มดีที่เริ่มเห็นเอสเอ็มอีมีการปรับตัวจากที่ธุรกิจออฟไลน์ก็ขายผ่านออนไลน์ด้วย ไม่ได้พึ่งพาช่องทางเดียว” นายวีระศักดิ์กล่าว
นายวีระศักดิ์กล่าวว่า ด้านการพิจารณาให้สินเชื่อธนาคารยังมีความระมัดระวังและประเมินศักยภาพลูกค้า ไม่ได้เร่งการเติบโตมากเกินไป ทำให้ยังควบคุมคุณภาพสินเชื่อได้และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ยังทรงๆ ตัว อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจชะลอตัว ยอดขายเอสเอ็มอีได้ผลกระทบอาจมีผลต่อการชำระคืนหนี้ ธนาคารก็ต้องให้ความช่วยเหลือเอสเอ็มอีทั้งการขยายระยะเวลาชำระหนี้ พักชำระหนี้ เป็นต้น
