จอดป้ายประชาชื่น : ท่องเที่ยวไทยปีหนูไฟ (ไหม้)

ภาคการท่องเที่ยวคือความหวังหลักในการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยปี 2563 ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่ขณะนี้สหรัฐและจีนจะเซ็นสัญญาการค้าเฟสแรกร่วมกันได้แล้ว แต่การทำสัญญาเฟสต่อไปยังไม่ชัดเจน เพราะประธานาธิบดีสหรัฐ ขึ้นชื่อเรื่องการกลับไปกลับมาค่อนข้างสูง

ล่าสุดความหวังเดียวปีหนูทองนี้ ดูเหมือนไม่ผ่องใสดีเท่าที่ควร และกลายเป็นหนูไฟแทน เนื่องจากเปิดปีได้ไม่กี่วัน เกิดเหตุการณ์ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและอิหร่าน ที่สร้างความโกลาหลไปทั่วโลก แม้จะคลายตัวลง แต่ 2 ประเทศหันมาใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจใส่กันแทน จึงเหมือนระเบิดรอวันปะทุ

ถัดมาเป็นปัจจัยเฉพาะในประเทศ คือฝุ่น PM2.5 ขั้นวิกฤต การแก้ปัญหาของรัฐบาลดูเหมือนจะเชื่องช้ากว่าที่ควร จนเกิดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ขึ้น จนวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลอย่างร้อนแรงขึ้น

“ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก” เพราะฝุ่นพิษในประเทศยังไม่ลดความรุนแรงลง ก็เกิดโรคระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโรคปอดอักเสบ ที่แพร่สะพัดมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ครั้งนี้มีความรุนแรงสูงมาก เนื่องจากล่าสุดกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่าที่ประเทศจีน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 ราย ติดเชื้อขั้นรุนแรง 400 ราย มีการกักตัวเฝ้าระวังพิเศษ 6,000 ราย โดยในไทยมีผู้ติดเชื้อแล้ว 6 ราย หายแล้ว 3 ราย

Advertisement

ล่าสุดรัฐบาลจีนสั่งปิดประเทศ เพื่อควบคุมโรคระบาดดังกล่าวแล้ว ตามด้วยฮ่องกงที่ประกาศมาตรการฉุกเฉินสูงสุด ขณะที่ประเทศไทยไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน แม้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 และการปิดประเทศของจีน จะทำให้นักท่องเที่ยวหายไปเกือบ 2 ล้านคน รายได้หายกว่า 50,000 ล้านบาท เป็นเม็ดเงินมหาศาล แต่หลายฝ่ายมองว่าคุ้มค่า หากสามารถปิดกั้นความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาไม่หยุด

เครื่องจักรขับเคลื่อนรายได้ของประเทศไทยจะเดินหน้าต่อได้อย่างไร และปีหนูทองที่สดใสจะกลายเป็นปีหนูไฟหม่นหมองหรือไม่ ต้องดูทิศทางกันต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image