นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือความคืบหน้าโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง (เกษตรสร้างชาติ) ร่วมกับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค 28 จังหวัด ว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) โครงการการส่งออกโคเนื้อไปจำหน่ายที่ประเทศจีน ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อำนวยสินเชื่อวงเงินรวม 5 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี โดยสนับสนุนสินเชื่อไม่เกินกลุ่มละ 10 ล้านบาท หรือดอกเบี้ยล้านละ 100 บาทต่อปี ระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2562-30 พฤศจิกายน 2565
นายประภัตรกล่าวต่อว่า แต่เนื่องจากต้องรอการอนุมัติจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) จะมีการปรับเงื่อนไขหลักเกณฑ์ให้เร็วขึ้น ซึ่งจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ สำหรับขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการและขอรับการสนับสนุนสินเชื่อ ธ.ก.ส. ตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ฯ เบื้องต้น 1.จดทะเบียนจัดตั้งกลุ่ม 1 ครัวเรือน 1 กลุ่ม และ 1 กลุ่ม 1 กิจกรรม 2.รับสมัครและเลือกเมนูอาชีพ โดยมีตลาดนำการผลิต 3.พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ กลุ่มละไม่เกิน 10 ล้านบาท และ 4.ดำเนินการจัดซื้อต่อจัดหาปัจจัยการผลิต ซึ่งจากการดำเนินงานที่ผ่านมา มีการลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่อง ระหว่างกรมปศุสัตว์ และ ธกส. เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมาแล้ว และเริ่มคิกออฟ ทำความเข้าใจในหลายจังหวัด อาทิ ขอนแก่น สระแก้ว เชียงราย เชียงใหม่ สุพรรณบุรี และนครปฐม ซึ่งได้รับความสนใจจากเกษตกรจำนวนมาก
นายประภัตรกล่าวต่อว่า โดยมีเป้าหมายระยะที่ 1 ตั้งเป้าจำนวนโค 250,000 ตัวต่อปี อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีแผนธุรกิจขัดเจน และสนับสนุนการจัดการตลาด ผลผลิตทางการเกษตรที่เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ให้สามารถสร้างอาชีพทางเลือกใหม่ด้วยการปรับเปลี่ยนพื้นที่ไม่เหมาะสมมาเลี้ยงสัตว์ ให้สามารถจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ โดยรัฐบาลมีประกันราคาและตลาดรองรับ ซึ่งหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ร่วมกันชี้แจงโครงการฯ ให้เกษตรกรได้รับทราบ เข้าใจ รวมถึงสำรวจความต้องการของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนอีกด้วย
“ผมยืนยันว่ายังมีตลาดรองรับ แต่ตอนนี้จีนอยู่ในภาวะวิกฤต ซึ่งตลาดจีนต้องการมากแต่ขณะนี้มีปัญหากรณีสถานการณ์ที่จีนกำลังเผชิญอยู่ แต่ผมอยากให้รอแผนก่อน ว่าอาจจะมีการยกเลิกเงื่อนไขเดิมให้ผ่อนปรนมากขึ้น แต่เรามีสัญญาชัดเจน แผนธุรกิจมีแน่นอนและได้ประชุมกับปศุสัตว์อำเภอแล้วและจะเดินหน้าโครงการตามกรอบเวลาที่กำหนด รวมถึงตามสัญญาเอ็มโอยูไว้ 3 ปี” นายประภัตรกล่าว
นายอนุรักษ์ แสนเวียง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนเพื่อปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (กลุ่มเลี้ยงโคเนื้อ ระยะที่ 3) กล่าวว่า การมาเข้าพบในครั้งนี้ ต้องการมาขอความชัดเจนเเผนดำเนินงานโดยเฉพาะตลาด ซึ่งจะให้จีนเป็นตลาดรองรับแต่สถานการณ์ไวรัสโคโรนาอาจจะส่งผลให้เเผนดำเนินการล่าช้าด้วยหรือไม่ แต่จากการหารือเบื้องต้นเป็นที่พอใจในเงื่อนไขหลักเกณฑ์และระยะเวลาของแผนเพื่อความชัดเจน ดังนั้น กลุ่มพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการส่งออกโคเนื้อไปจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาโคเนื้อในประเทศสูงขึ้นด้วย
