‘สทนช.’​ เผยแผนดึงน้ำฝั่งตะวันตกช่วยเจ้าพระยา ผลักดันน้ำเค็มสำเร็จ

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามความความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะแล้งในปัจจุบัน และการเตรียมการสนับสนุนน้ำจากแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคให้ครอบคลุมจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน​ 2563 เนื่องจากการคาดการณ์ฝนขณะนี้ในทุกภาคของประเทศยังไม่มีแนวโน้มที่ฝนจะตก มีเพียงบางพื้นที่ทางภาคใต้ที่มีฝนตกในระยะนี้

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รับทราบผลการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งพบว่าแผนการผันน้ำจากแม่กลองมาเจือจางน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ค่าความเค็มไม่เกินเกณฑ์ควบคุมจึงไม่กระทบกับการผลิตน้ำประปา รวมถึงพื้นที่เกษตรด้วย จึงจะมีการพิจารณาแนวทางที่จะเพิ่มการระบายน้ำจากฝั่งตะวันตกมาเพิ่มเติมโดยไม่กระทบกับลุ่มน้ำแม่กลอง ก่อนจะปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิต์ จากปัจจุบันระบายน้ำจาก 2 เขื่อนรวมประมาณ 16 ล้านลูกบาศก์เมตร​ (ลบ.ม.)

ทั้งนี้ เพื่อสงวนน้ำต้นทุนของทั้งสองเขื่อนไว้ให้มากที่สุดจนสิ้นสุดฤดูแล้ง โดยในวันที่ 31 มกราคม 2563 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี​ มีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมตรวจเยี่ยมปฏิบัติการผลักดันน้ำ และขุดลอกในคลองพระยาบรรลือจ.พระนครศรีอยุธยาด้วย

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้าจาก 5 หน่วยงาน ในการเสนอขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2563 ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้านน้ำอุปโภคบริโภค โดยล่าสุดมี 3 หน่วยงานเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณแล้ว 3 หน่วยงาน ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งแล้วเสร็จประมาณ 40% ขณะที่กองทัพบกที่อยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณ แต่ก็ได้ดำเนินการขับเคลื่อนการขุดเจาะบ่อบาดาลในหลายพื้นที่แล้วเช่นกัน

Advertisement

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานต่างๆ ได้มีการชี้แจงถึงแผนการแก้ไขปัญหาพื้นที่คาดการณ์เสี่ยงภัยแล้ง น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค 54 จังหวัด ทั้งในและนอกเขตการประปาภูมิภาคที่มีแผนรองรับชัดเจนและไม่มีพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติม สำหรับพื้นที่การเกษตรที่มีการปลูกข้าวเกินแผนนั้น กระทรวงเกษตรฯ ได้เตรียมแผนสนับสนุนน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียง เนื่องจากไม่สามารถจัดสรรน้ำจาก 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยามาสนับสนุนได้ รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรไม่ให้มีการปลูกเพิ่ม

นายสมเกียรติ กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมีการหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมความพร้อมวางแผนดำเนินโครงการในปีงบประมาณ 2563 และ 2564 เบื้องต้นพบว่ามีโครงการที่มีความพร้อมและเริ่มดำเนินการได้ทันทีในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำใน 57 จังหวัด ครอบคลุมทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร เช่น โครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ประตูระบายน้ำ เป็นต้น ในปี 2563 จำนวน 1,434 โครงการ ประชาชนได้รับประโยชน์ 72,187 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 166,316 ไร่ ปริมาณน้ำเก็บกักเพิ่มขึ้น 134 ล้านลบ.ม. ซึ่งดำเนินการโดย 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ รวมถึงเพื่อให้สามารถการแกไขปัญหาน้ำแล้งเร่งด่วนได้อย่างตรงจุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image