รอคอยมานานหลายปี ในที่สุด รถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนต่อขยายด้านทิศตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-บางขุนนนท์ ระยะทาง 16.4 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 1.2 แสนล้านบาท ก็ผ่านการอนุมัติจาก ครม.แล้ว
โครงการนี้ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบพีพีพี เน็ท คอสท์ ระยะเวลา 30 ปี นอกจากจะให้บริษัทที่ชนะการประกวดราคาก่อสร้างงานโยธาด้านตะวันตก ระยะทาง 16.4 กม.แล้ว ยังเปิดทางให้เป็นผู้ลงทุนติดตั้งระบบรถไฟฟ้า จัดหาขบวนรถ และเดินรถไฟฟ้าตลอดทั้งสาย คือ จากบางขุนนนท์-มีนบุรี ระยะทาง 35.9 กม. รวม 28 สถานีด้วย
เฉพาะงานโยธาที่จะก่อสร้าง ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-บางขุนนนท์ จะมี 11 สถานี เป็นสถานีที่อยู่ใต้ดินทั้งหมด ตามแนวเส้นทางนี้จะมีจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่นๆ 7 จุด ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีม่วง รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ และรถไฟฟ้าใต้ดินเอ็มอาร์ที
สำหรับรูปแบบการลงทุน ภาครัฐจะลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน (เวนคืน) ประมาณ 1.46 หมื่นล้านบาท และอุดหนุนเงินลงทุนเอกชนค่างานโยธาไม่เกิน 9.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นลักษณะให้เอกชนออกเงินก่อสร้างไปก่อน ภาครัฐจะผ่อนชำระคืนเป็นรายปี รวมระยะเวลา 10 ปี พร้อมดอกเบี้ย นับจากเปิดเดินรถตลอดเส้นทางในปี 2569 แต่ระยะเวลาสัมปทานจะเริ่มนับหลังจากช่วงตะวันออก ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เปิดบริการในปี 2567
นอกจากนี้ เอกชนจะเป็นผู้ลงทุนค่างานระบบไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า การบริหารการเดินรถ และซ่อมบำรุงรักษาตลอดเส้นทาง ระยะเวลาในการเดินรถ 30 ปี นับตั้งแต่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการ รวมทั้งเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสาร รับความเสี่ยงด้านรายได้ค่าโดยสาร รายได้จากการพัฒนาเชิงพาณิชย์ และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินงาน ขณะที่ภาครัฐไม่มีภาระสนับสนุนทางการเงินแก่เอกชนในส่วนงานระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถ งานเดินรถ และซ่อมบำรุงรักษา
เบื้องต้นโครงการนี้ประเมินผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ อยู่ที่ร้อยละ 19.45 ตั้งเป้าหมายประกาศคัดเลือกเอกชนในเดือนมิถุนายนนี้ เมื่อได้ผู้ชนะแล้ว จะใช้เวลาก่อสร้างไปจนถึงปี 2569 จึงจะเปิดให้บริการ แต่จะเปิดเดินรถฝั่งตะวันออกก่อนประมาณปี 2567 เนื่องจากปัจจุบันการก่อสร้างคืบหน้าแล้วประมาณ 53.31%
เมื่อเชื่อมโยงเส้นทางเดินรถได้ตามแผนงานที่กำหนด ในอนาคตจะเดินทางไปไหน มาไหน คงสะดวกขึ้นเยอะ!!
นายขันตี
