ผู้เขียน | ภคพร บุญมี |
---|
ใกล้เข้ามาทุกทีกับฤดูแล้ง ที่ปีนี้ไทยต้องเตรียมรับมือและตั้งรับกับวิกฤตภัยแล้งที่คาดว่าจะมีความรุนแรงมากเป็นอันดับสองในรอบ 40 ปี นับตั้งแต่ปี 2522
เช่นเดียวกรมอุตุนิยมวิทยา ที่คาดการณ์ว่าประเทศไทยต้องเผชิญฝนแล้งยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน 2563 โดยคาดว่าปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 10-15% ในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ตอนบน
จากการคาดการณ์ปริมาณฝนในปีนี้ น้อยใกล้เคียงกับปี 2522 แต่ปริมาณความต้องการการใช้น้ำปีนี้จะมีมากกว่าในอดีต และจากข้อมูลพบว่าในขณะนี้สถานการณ์การใช้น้ำและผลกระทบได้รุนแรงกว่าปี 2558 แล้ว
ซึ่ง นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยในเรื่องนี้ โดยสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อเพิ่มรายได้ในช่วงฤดูแล้ง อาทิ ส่งเสริมให้ปลูกพืชไร่ และเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมการข้าว เปิดผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อกระจายสู่ชุมชนให้มากขึ้น ในช่วงฤดูแล้งซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ราคาผลผลิตข้าวดีขึ้นอีกด้วย รวมถึงจะร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางรับมือกับปัญหานี้ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้อีกด้วย
แต่ทว่าในมุมของภาคเอกชน และประชาชนมองว่าขั้นตอนในการผลิตเมล็ดพันธุ์มีความล่าช้า ส่งผลให้เพื่อนบ้านยิ่งวิ่งแซงหน้าเร็วไปไกลขึ้นทุกที จึงอยากเสนอให้รัฐบาลนำพันธุ์ข้าวพื้นนุ่มของต่างประเทศที่มีราคาสูงและเหมาะกับไทยมาปลูกก่อน หรือหลังจากนั้นจะนำมาวิจัยเพิ่มเติมแล้วเปลี่ยนชื่อพันธุ์ก็ไม่มีอะไรเสียหาย
ถึงแม้ความคิดของฝั่งภาครัฐ และภาคเอกชนจะถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง แต่จุดประสงค์ที่มียังเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ ต้องการให้ข้าวไทยกลับมาอยู่อันดับ 1 อีกครั้ง
จากนี้คงต้องติดตามต่อไปว่ารัฐจะผนึกกำลังกับภาคเอกชน ร่วมกันหาทางออกกับปัญหานี้ได้อย่างไร!