คต.เดินหน้ายึด3กลยุทธ์ พยุงส่งออกข้าวไทยปี63 ให้ได้ 7.5 ล้านตัน รั้งอันดับ2ของโลก

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ(คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกปี 2562 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 7.58 ล้านตัน ลดลง 32.50 %จากปี 2561 ที่มีปริมาณ 11.23 ล้านตัน โดยมีมูลค่า 4,205 ล้านบาท ลดลง 25% โดยเป็นการส่งออกอันดับ2ของโลก รองจากอินเดีย ส่งออก 10.6 ล้านบาท ตามด้วยไทย 7.58 ล้านตัน เวียดนาม 6.85 ล้านตัน ปากีสถาน 4.6 ล้านตัน และสหรัฐฯ 3.05 ล้านตัน ซึ่งการส่งออกที่ลดลงในปีที่ผ่านมา จากปัจจัยค่าเงินบาทแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง ทั้งเวียดนามและอินเดีย ขณะที่จีนจากประเทศผู้นำเข้าหันมาเป็นผู้ส่งออก หลังจากมีสต๊อกข้าวสูงถึง 120 ล้านตันโดยเฉพาะการชิงตลาดในแอฟริกาใต้ และปัญหาสินค้าข้าวไทยไม่หลากหลายและไม่ตงความต้องการผู้นำเข้า โดยเฉพาะความต้องการข้าวพื้นนิ่มสูงขึ้น

นายกีรติ กล่าวว่า ในปี 2563 คาดว่าการส่งออกใกล้เคียงปี 2562 และคาดปริมาณไว้ที่ 7.5 ล้านตัน โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึง 6 กุมภาพันธ์ 2563 มีการส่งออก 6.69 แสนตัน ลดลงจากปีก่อน 39% หรือมีการส่งออก 1.1 ล้านตัน มูลค่า 399 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลลง 28% และมีมูลค่า 11,963 ล้านบาท หรือลดลง 33% ปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกไม่สูงขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากค่าเงินบาทไทยแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ความสามารถแข่งขันด้านราคาลดลง ขณะนี้ราคาข้าวสารเจ้า 5% ของไทยอยู่ที่ 425 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่เวียดนามอยู่ที่ 345 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนข้าวหอมมะลิไทยอยู่ที่ 1,188 เหรียญสหรัฐต่อตัน

“ ปีนี้ยังมีปัจจัยกดดันมากขึ้นในเรื่องผลผลิตลดลงจากภัยแล้ง ปริมาณอาจจำกัด และพันธ์ข้าวไม่ตอบสนองตลาดผู้ซื้อ และหลายประเทศหันปลูกและส่งออกมากขึ้นด้วย ทำให้กรมมีแผนในการปรับกลยุทธ์ผลักดันการส่งออกข้าวไทยระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้พยุงปริมาณส่งออกข้าวและรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่กำลังถูกประเทศคู่แข่งชิงตลาดต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่คงเป้าส่งออกระดับ 7.5 ล้านตันต่อเนื่องเป็นที่ 2 เป็นปีที่ต้องมีการทำงานหนักและออกไปลุยตลาดมากขึ้นไปอีกไม่แค่เพราะต้องไปนำเสนอข้าวชนิดใหม่ๆ แทนชนิดข้าวเดิมที่เคยขาย เช่น บางประเทศรู้จักหอมมะลิ แต่ราคาสูงทำให้มีการนำเสนอข้าวหอมปทุมหรือข้าวหอมจังหวัดเพื่อให้ได้ตลาดนำเข้าที่หลากหลาย ปีนี้ต้องรุกทั้งพันธุ์ข้าวใหม่และตลาดใหม่ๆ  “นายกีรติ กล่าว

ในส่วนของการแพร่เชื้อโคโรนาต่อการขนส่ง โดยเฉพาะเข้าจีนนั้น ขณะนี้ไม่มีปัญหาแล้วเพราะได้มีการเปิดด่านนำเข้าปกติแล้วหลังรัฐบาลจีนได้สั่งหยุดยาว

Advertisement

นายกีรติ กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์ที่กรมจะนำมาใช้ คือ 1.มีแผนขยายตลาดเป้าหมายและจัดโปรโมชั่น อาทิ มาเลเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ จีน เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอฟริกาใต้ เป็นต้น 2.พัฒนาพันธ์ข้าวและสินค้าให้ตรงตามความต้องการผู้ซื้อ เช่น ข้าวพื้นนิ่ม และได้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วย กรมการข้าว กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และอาจเชิญสถาบันการศึกษาที่มีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ข้าวเข้าร่วมในคณะทำงานด้วย ซึ่งจะมีการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้

และ 3.ปรับมาตรฐานข้าวเพื่อการส่งออก ซึ่งจะมีการหารือทุกภาคหน่วยที่เกี่ยวข้องในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดมากที่สุด เช่น ทบทวนมาตรฐานเปอร์เซ็นต์ข้าวเพื่อส่งออก 92% หรือพันธุ์ข้าวในปัจจุบันยึด กข.15 หรือ หอมมะลิ 105 เป็นต้น นั้นจะมีการเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งมารตฐานดังกล่าวได้เคยถูกปรับมาแล้วในปี 2559  ในส่วนของการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี นั้น ก็ยังเดินหน้าเจรจาขายข้าวให้จีนที่มีสัญญาต่อกันเหลือ 3 แสนตัน และกำลังติดตามการเปิดประมูลของรัฐบาลอินโดนีเซีย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image