พณ.ไล่จับขายหน้ากากอนามัยบนออนไลน์แพงเกินจริง เตือนระวังโทษคุกถึง7ปี เริ่ม12ก.พ. (ชมคลิป)

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมกับผู้ประกอบการออนไลน์ ได้แก่ ลาซาด้า(Lazada) ช้อปปี้(Shopee) เจดี เซ็นทรัล(JD CENTRAL) เรื่องมาตรการควบคุมดูแลราคาขายหน้ากากอนามัยในออนไลน์ ว่า ที่ผ่านมาได้มีประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ที่มีกว่า 1,425 เรื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นการร้องเรียนร้านค้าทั่วไปและร้านค้าในออนไลน์ขายสินค้าสูงเกินจริง จึงได้เรียกเจ้าของแพลตฟอร์มออนไลน์ 3 รายใหญ่เข้ามาชี้แจงทำความเข้าใจและขอความร่วมมือในการควบคุมดูแลการค้าหน้ากากอนามัยไม่ให้สูงเกินจริง โดยให้ยึดหลักปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ที่กำหนดให้หน้ากากอนามัยและเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม และใช้มาตรการห้ามขายราคาเกินจริงและต้องมีการติดป้ายแสดงราคา จึงขอให้ 3 แพลตฟอร์มออนไลน์ตรวจสอบผู้ค้าบนออนไลน์ของตนด้วย หากพบว่ามีการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการเอาเปรียบขายเกินจริงให้ทำการปิดหรือบล็อกหน้าร้านออนไลน์นั้นและส่งข้อมูลให้กระทรวงพาณิชย์เพื่อเข้าไปดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งหากพิสูจน์ว่าร้านค้าบนออนไลน์นั้นขายเกินราคาจริงก็มีโทษคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากไม่ปิดป้ายแสดงราคาปรับครั้งละ 1 หมื่นบาท

“ขณะนี้หน้ากากอนามัยที่ใช้ทั่วไปขายในกระทรวงพาณิชย์ ร้านค้าเครือข่าย และทำเนียบรัฐบาล ราคา 2.50 บาท/ชิ้น ตามห้างมีทั้ง 2.00-2.50 บาท/ชิ้น หากชนิดเดียวกันต้นทุนเท่ากันก็ไม่ควรขายเกินนี้ การเอาผิดร้านค้าขายเกินราคาบนออนไลน์ ไม่ได้เกินความสามารถเหมือนกับที่จับเฟคนิวส์ การขายเกินราคาไม่ว่าในร้านหรือบนออนไลน์ถือว่าขัดกฎหมายทั้งนั้น และสามารถเอาผิดได้ โดยทั้ง 3 รายแจ้งว่าจะเริ่มได้ทันทีในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ หากให้ประชาชนพบเห็นว่ามีการขายบนออนไลน์แพงเกินจริงให้ร้องมาได้ที่สายด่วน 1569 จะไปดำเนินทันที  “นายบุณยฤทธิ์ กล่าว

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์หน้ากากอนามัยตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว หลังจากมีการดูแลเรื่องปริมาณส่งออก จำกัดการหิ้วไปต่างประเทศ เร่งเพิ่มปริมาณตามร้านค้าโดยวันนี้ มีการจัดส่งหน้ากากอนามัยเข้าร้านธงฟ้าแล้วกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ และมีการเข้มงวดตรวจสอบห้ามขายเกินราคา ห้ามกักตุน ซึ่งได้มีการจับกุมและส่งดำเนินการคดีแล้ว 18 ราย ในส่วนนี้เป็นกรุงเทพฯ 14 ราย ที่เหลือในชลบุรี สุราษฎร์ธานี และ ภูเก็ต โดยยังกำชับให้พาณิชย์จังหวัดออกตรวจสอบว่าพื้นที่ใดยังขาดแคลนหรือขายเกินราคาให้ดำเนินการทันที ส่วนในวงการแพทย์ก็ได้หารือดุแลปริมาณกับกระทรวงสาธารณสุขต่อเนื่อง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image