สมคิดย้ำภาครัฐ-เอกชนต้องช่วยกันแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายในงานเสนวา “มาตรการภาคธุรกิจ ต้านทุจริตการติดสินบน” ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียนว่า จากการเดินทางไปเยือนประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา นักธุรกิจส่วนใหญ่ก็แสดงความคิดเห็นว่าประเทศไทย มีศักยภาพที่จะเป็นประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และเศรษฐกิจไทยก็สามารถกลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับภาวะของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหา ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้มุ่งเน้นปฏิรูปโครงสร้างของการบริหารราชการแผ่นดินทั้งเศรษฐกิจ สังคม และกฎหมาย โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการ คือ 1.การลดความเหลื่อมล้ำ ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ ที่จะทำไปสู่การลดช่องว่างในสังคม 2.การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งของประเทศ หลังจากที่กินบุญเก่ามาแล้วกว่า 30 ปี โดยประเทศไทยจะต้องเน้นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เทคโนโลยี 3.และการปฏิรูปธรรมาภิบาลของประเทศ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น ซึ่งรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ขึ้น ซึ่งจากการดำเนินงานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาก็จะเห็นได้ว่าดัชนีการคอร์รัปชั่น มีอันดับที่ปรับตัวดีขึ้น โดยในปีนี้อันดับของไทยขึ้นมาที่ 76 จากที่ในช่วงปี 2548 – 2558 ไทยมีอันดับเฉลี่ยประมาณ 80 และในปี 2555 อันดับตกลงมากสุดที่ 102 ซึ่งหลังจากนี้ก็คาดว่าจะอันดับของไทยก็น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศ จะต้องอาศัยด้วยกัน 2 เสาหลักในการช่วยกันคือ คือ ภาครัฐ และองค์การอิสระ”นายสมคิดกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image